- Home
- Thaireform
- สารคดีเชิงข่าว
- เกมดัน'นพ.วิชัย โชควิวัฒน'พ้นสปสช. เป้าหมายแฝง'กลุ่มทุน-การเมือง'
เกมดัน'นพ.วิชัย โชควิวัฒน'พ้นสปสช. เป้าหมายแฝง'กลุ่มทุน-การเมือง'
ในการประชุมคณะกรรมการบริหารสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ดสปสช.) ซึ่งมีวาระพิจารณาแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 7 คน เมื่อสัปดาห์ก่อน ที่ พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ประธานสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไป(สพศท.) ได้นำตัวแทนเครือข่าย อาทิ สมาคมพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางสิ่งแวดล้อมองค์กรแรงงานรักษ์สิ่งแวดล้อมและธรรมชาติชมรมเกษตรกรรักษ์สิ่งแวดล้อม เครือข่ายป้องกันประชาชนด้านสาธารณสุข ชมรมผู้สูงอายุชนบทฯลฯ ประมาณ 50 คน เข้ายื่นหนังสือถึงนายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานบอร์ดสปสช.เรียกร้องให้พิจารณาคัดชื่อ นพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม ออกจากตำแหน่งกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในสัดส่วนตัวแทนภาคองค์กรเอกชน (เอ็นจีโอ) ด้านผู้สูงอายุ
เขี่ยหมอวิชัยพ้น สปสช.
ที่มาของข้อเรียกร้องนี้ พญ.ประชุมพรอ้างว่า เพราะ 1.นพ.วิชัยมีพฤติกรรมขัดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 มาตรา 16 (6) ซึ่งว่าด้วยเรื่องของการเป็นกรรมการซ้ำซ้อน โดยนพ.วิชัยเป็นประธานอนุกรรมการยุทธศาสตร์ สปสช.มีอำนาจจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์จากองค์การเภสัชกรรม(อภ.) ซึ่ง นพ.วิชัยดำรงตำแหน่งประธานบอร์ด อภ.อยู่เช่นกัน 2.เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2553 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เคยมีมติว่า นพ.วิชัยกระทำผิดวินัยร้ายแรงกรณีค่าน้ำมันรถและ 3.บอร์ด สปสช.ที่เพิ่งหมดวาระซึ่งมี นพ.วิชัย เป็น 1 ในบอร์ดชุดนั้น ได้สร้างปัญหาทำให้โรงพยาบาล 585 แห่ง จาก 821 แห่งทั่วประเทศ ขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง และเสื่อมประสิทธิภาพในการดูแลประชาชน
พลันที่ พญ.ประชุมพร และคณะยื่นหนังสือเรียกร้องในประเด็นดังกล่าว ฟากของนายวิทยาก็รับลูกด้วยการแต่งตั้งคณะกรรมการรับเรื่องราวร้องทุกข์ทันที ขณะเดียวกันได้แต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองทางกฎหมายอีก 1 ชุด มีนายสุพจน์ ฤชุพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย เป็นประธาน เขาให้เหตุผลว่าจะให้คณะกรรมการที่แต่งตั้งขึ้นพิจารณาเรื่องร้องเรียนทุกเรื่องที่เกิดใน สธ.
ยันไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน
การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบของนายวิทยาครั้งนี้ แม้ นพ.ปรีดา แต้อารักษ์ โฆษก สปสช. จะยืนยันว่า นพ.วิชัยไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนที่ต้องเฝ้าระวังเหมือนหน่วยงานธุรกิจเอกชน เพราะได้รับคัดเลือกมาอย่างถูกต้องตามกระบวนการ มีมาตรา 13 วรรค 4 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 รองรับ โดยเป็นผู้แทนขององค์กรเอกชนซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่มิใช่เป็นการแสวงหากำไร และสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยก็เป็น 1 ในหลายร้อยองค์กรที่ได้ขึ้นทะเบียนกับ สปสช.ถูกต้องตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติฯ ขณะเดียวกัน การดำรงตำแหน่งประธานบอร์ด อภ.ของ นพ.วิชัย ซึ่งแต่งตั้งโดยมติ ครม.ก็ไม่ได้มีข้อห้าม เนื่องจากทั้ง 2 หน่วยงาน เป็นหน่วยงานของรัฐ และมีภารกิจตามกฎหมายเพื่อประโยชน์สุขของสังคมโดยรวม ที่สำคัญ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติฯ ก็ไม่มีมาตราใดห้ามไว้
นพ.ปรีดา บอกว่าการที่บอร์ด สปสช. ซึ่งรับผิดชอบการบริหารกองทุนที่มาจากงบประมาณแผ่นดินปีละกว่าหนึ่งแสนล้านบาท เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพได้มากขึ้น การมีกรรมการที่ผ่านการคัดเลือกอย่างอิสระ เป็นผู้แทนของภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงเป็นโครงสร้างที่ถ่วงดุลกันอย่างดีอยู่แล้ว
เช็คโครงสร้างบอร์ด
ปัจจุบันโครงสร้างในบอร์ด สปสช.ประกอบด้วยกรรมการจากภาคส่วนต่างๆ จำนวน 30 คน ดังนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงกลาโหมปลัดกระทรวงคลัง ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงแรงงาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงศึกษาธิการผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ผู้แทนเทศบาลองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รูปแบบอื่นอย่างละ 1 คน ตัวแทนสภาวิชาชีพ 5 คน ซึ่งเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง ตัวแทนกลุ่มเอ็นจีโอ โดยการคัดเลือกกันเองในแต่ละกลุ่มให้เหลือกลุ่มละ 1 คน จากนั้นคัดเลือกให้เหลือ 5 คน และผู้ทรงคุณวุฒิ 7 คนซึ่งต้องเสนอชื่อให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติแต่งตั้ง ทั้งนี้สัดส่วนของบอร์ด สปสช.ทั้งหมดแบ่งเป็นภาคประชาชน 5 คน ส่วนท้องถิ่น 4 คน โรงพยาบาลเอกชน 1 คน สภาวิชาชีพ 4 คน ข้าราชการ 8 คน รัฐมนตรี 1 คน และผู้ทรงคุณวุฒิ 7 คน
30รายชื่อคนของใคร
ขณะนี้รายชื่อบอร์ด สปสช. ชุดใหม่ (อย่างไม่เป็นทางการ) จึงประกอบด้วย1.นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทวงสาธารณสุข ในฐานะประธานบอร์ด สปสช. 2.พล.ท.สหชาติพิพิธกุล เจ้ากรมแพทย์ทหารบก 3.น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง 4.นายบุญนริศร์ สุวรรณพูล ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ 5.นายวิเชียรชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย 6.นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ปลัดกระทรวงแรงงาน7.นายสมบัติ สุวรรณพิทักษ์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ 8.นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข 9.นายวรวิทย์ จำปีรัตน์ รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ 10. ศ.คลินิก นพ.อำนาจกุสลานันท์ นายกแพทยสภา11.รศ.สุจิตรา เหลืองอมรเลิศ นายกสภาการพยาบาล12.ทพ.ศิริชัยชูประวัติ นายกทันตแพทยสภา13.รศ.ภญ.ธิดา นิงสานนท์ นายกสภาเภสัชกรรม 14.นพ.เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน15.นายวิจัย อัมราลิขิต เทศบาล 16.นพ.สำเริงแหยงกระโทกองค์การบริหารส่วนจังหวัด17.นายศานิตกล้าแท้องค์การบริหารส่วนตำบล 18.นายวีรวัฒน์ ค้าขายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบอื่น 19.นพ.วิชัยโชควิวัฒน องค์กรเอกชนด้านผู้สูงอายุ20.นายนิมิตร์ เทียนอุดม องค์กรเอกชนด้านผู้ติดเชื้อเอชไอวี 21.น.ส.บุญยืน ศิริธรรม องค์กรเอกชนด้านเกษตรกร 22.นายชูศักดิ์ จันทยานนท์ องค์กรเอกชนด้านคนพิการและจิตเวช23.นางสุนทรี เซ่งกิ่ง องค์กรเอกชนด้านแรงงาน 24.ศ เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านประกันสุขภาพ25. นพ.จรัล ตฤณวุฒิพงษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์และสาธารณสุข26.นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์แผนไทย 27.นพ.พินิจ หิรัญโชติ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์ทางเลือก 28.นางวรานุชหงส์ประภาส ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการคลัง 29.นายเสงี่ยมบุญจันทร์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย และ 30.นพ.อิทธพร คณะเจริญ รองเลขาธิการแพทยสภา ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสังคมศาสตร์
ในจำนวนรายชื่อทั้งหมด มีข้อสังเกตว่าในสัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒิ 7 คน ที่ ครม.กำลังพิจารณาแต่งตั้งซึ่งได้แก่ ศ. เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นพ.จรัล ตฤณวุฒิพงษ์ นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี นพ.พินิจ หิรัญโชติ นางวรานุช หงส์ประภาส นายเสงี่ยม บุญจันทร์ และนพ.อิทธพร คณะเจริญ บุคคลเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ได้รับแรงสนับสนุนจาก 3 ส่วนหลัก คือ 1.สมาคมโรงพยาบาลเอกชนและสภาวิชาชีพ 2.ข้าราชการประจำ และ3.นักการเมือง เพราะชัดเจนว่าบางรายเป็นถึงอดีตผู้ช่วยรัฐมนตรี ในสมัยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ บางรายเป็นทีมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย บางรายเป็นข้าราชการที่ทำงานให้กับทุกขั้วอำนาจ และบางรายมีบทบาทในแพทยสภาและโรงพยาบาลเอกชน
เล็งยึดองค์กรตระกูล “ส”
ที่ผ่านมา เมื่อมีการประชุมบอร์ด สปสช.เพื่อผลักดันนโยบาย หรือโครงการใดๆ คะแนนเสียงส่วนใหญ่แตกออกเป็น 2 ขั้ว คือ ขั้วของรัฐมนตรี ข้าราชการโรงพยาบาลเอกชน สภาวิชาชีพ รวม14 เสียง อีกขั้วประกอบด้วย ภาคประชาชน ส่วนท้องถิ่น รวม 9 เสียงอำนาจชี้ขาดส่วนใหญ่จึงตกอยู่กับบอร์ดผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 7 เสียง
มีกระแสข่าวว่าก่อนหน้านี้มีบุคคลซึ่งได้รับการเสนอชื่อเพื่อรับการพิจารณาเป็นบอร์ดผู้ทรงคุณวุฒิประมาณ 20 คน ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการยอมรับจากสังคมและเวทีโลก อาทิ นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ
นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล ภญ.สำลี ใจดี ศ.อัมมารสยามวาลา ฯลฯ แต่ชื่อของบุคคลเหล่านี้กลับหายไปกับสายลมและแสงแดด วันนี้...จึงอาจกล่าวได้ว่า ทั้งฝ่ายการเมือง กลุ่มทุนและเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชน มีอิทธิพลต่อการพิจารณากรรมการชุดใหม่
นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท บอกว่า ในจำนวนรายชื่อบอร์ด สปสช.ในสัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒิ สะท้อนเกมการเมืองชัดเจน เพราะส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นตัวแทนกลุ่มทุน ซึ่งน่ากังวลว่าทิศทางการทำงานหลังจากนี้จะขัดต่อหลักการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือไม่ และจำเป็นต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่า บอร์ด สปสช.ชุดใหม่ จะทำงานเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่จริงหรือไม่
ขณะที่นักสังเกตการณ์หลายคน ตั้งข้อสังเกตว่าปรากฏการณ์ที่แพทยสภาโรงพยาบาลเอกชนยึดเก้าอี้ในบอร์ด สปสช.ในสัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒิเป็นการรุกคืบของฝ่ายการเมืองที่มุ่งหวังจะเข้าไปบริหารจัดการองค์กรในตระกูล “ส”โดยเฉพาะสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส.ที่เป็นแหล่งเงินจำนวนมหาศาลในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน
คงไม่ต้องถามอีกว่า...เหตุใดแพทย์กลุ่มนี้จึงต้องออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านแพทย์อาวุโสอย่าง นพ.วิชัย โชควิวัฒน