- Home
- Thaireform
- สารคดีเชิงข่าว
- ศูนย์อพยพไร้มาตรฐาน – ซ้ำเติมชะตากรรมผู้ประสบภัย
ศูนย์อพยพไร้มาตรฐาน – ซ้ำเติมชะตากรรมผู้ประสบภัย
... ศูนย์ข้อมูลข่าวสารปฏิรูปประเทศไทย
ภัยคุกคามยังคงคืบคลานเข้าใกล้ทุกวินาที ...
ย้อนกลับไปครั้นมวลน้ำจำนวน 1.4 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร ไหลทะลักสู่พื้นที่ภาคกลางเข้าท่วม จ.พระนครศรีอยุธยา และนครสวรรค์ จับความรู้สึกคนกรุงส่วนใหญ่ล้วนแต่เวทนาในชะตากรรมของพี่น้องร่วมชาติ หากแต่ยังมองวิกฤตครั้งนี้เป็นเรื่องไกลตัว
อย่างไรก็ดี อุบัติการณ์สามารถรักษาระดับความรุนแรงไว้จนยากจะหาสิ่งเสมอสอง มวลน้ำจำนวนมหาศาลเคลื่อนเข้าสู่ จ.ปทุมธานี และถาโถมจนพื้นที่ประชิดกทม.กลายเป็นเมืองบาดาล ... ณ ห้วงเวลานี้ คนกรุงเข้าสู่อาการตื่นตระหนก ภาพสะท้อนที่ชัดเจนที่สุดคือ ปรากฎการณ์กักตุนอาหาร เครื่องใช้ สิ่งอุปโภคบริโภค รวมถึงทรัพยากรพลังงาน
ทว่า ภัยคุกคามยังคงคืบคลานเข้าใกล้ทุกวินาที ...
ตลอดหนึ่งเดือนเศษที่ชาวกรุงต้องประหวั่นเจือความชินชา ต่อถ้อยแถลงรายวันจากศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) และกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อแจ้งเตือนให้ผู้ที่พำนักอยู่ในจุดเสี่ยงน้ำท่วมเร่งขนสัมภาระขึ้นที่สูง และอพยพออกจากพื้นที่ทันที
คำถามที่ดังขึ้นในขณะนั้นคือ ให้อพยพไปที่ใด?
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ระบุว่า ได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ซึ่งเป็นที่พักพิงชั่วคราว 27 จังหวัด 544 แห่ง รองรับผู้พักพิงได้ 212,610 คน ส่วน กทม. ให้ข้อมูลเพิ่มอีกว่า ได้เปิดโรงเรียนสังกัด กทม.ทั้งหมด 436 แห่ง เป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว แต่ขณะนี้ต้องปิดศูนย์พักพิงไป 10 แห่ง เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมสูง
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า ศปภ. จะจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวหรือศูนย์อพยพย่อยๆ ตามเขตพื้นที่ประสบภัยขึ้นอย่างมากมาย แต่ท้ายที่สุดก็เป็นเพียงที่ซุกหัวนอนไปวันๆ โดยคุณภาพชีวิตของผู้อพยพเป็นไปอย่างน่าสังเวช
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ได้กำหนดองค์ประกอบของศูนย์อพยพไว้ในคู่มือการบริหารจัดการศูนย์พักพิงชั่วคราว ว่าการคัดเลือกสถานที่จะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยโดยต้องไม่เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมซ้ำอีก ที่สำคัญต้องมีการคมนาคมสะดวก มีความพร้อมของสาธารณูปโภค และต้องมีพื้นที่สำหรับเป็นคลังสินค้าบริจาค คลินิก และสำนักงานต่างๆ
สำหรับสภาพของสถานที่ตั้งศูนย์พักพิง ต้องมีปัจจัยพื้นฐานขั้นต่ำ คือ 1.ต้องมีทรัพยากรในปริมาณที่เพียงพอ โดยเฉพาะ “น้ำ” เพื่อการอุปโภคบริโภค โดยผู้ประสบภัย 1 คน จะใช้ประมาณ 15-20 ลิตรต่อวัน 2.ขนาดของพื้นที่ โดยทั่วไปผู้ประสบภัยจะใช้พื้นที่ในการทำกิจวัตรประจำวันประมาณรายละ 30 ตารางเมตร
3.สภาพทางกายภาพของพื้นที่ ต้องมีความลาดเอียงเพื่อระบายน้ำ 4.ต้มไม้และพืชพันธุ์ต่างๆ ไม่ควรถอนทำลาย เพราะจะช่วยให้ร่มเงาและลดการพังทลายของหน้าดิน 5.ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ไม่ควรตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดภัยพิบัติอื่นๆ
ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นคือ ศูนย์พักพิงขนาดใหญ่ที่น่าจะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประสบภัยได้ อาทิ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์-รังสิต ศูนย์ราชการ-แจ้งวัฒนะ อำเภอธัญบุรี วัดธรรมกาย รวมถึงท่าอากาศยานดอนเมือง กลับถูกน้ำท่วมเข้าขั้นวิกฤตเช่นกัน
ใช่หรือไม่ว่า นี่คือภาพสะท้อนความล้มเหลวของศปภ.?
นอกจากนี้ ยังพบว่าสื่อมวลชนได้รายงานข้อเท็จจริงสะท้อนความยากลำบากของผู้ประสบภัย ... “บางรายต้องอพยพซ้ำซากถึง 5 ครั้ง” คือชะตากรรมอันเลวร้ายที่ไม่ควรถูกซ้ำเติมจากศูนย์พักพิงที่ไม่ได้มาตรฐาน
นพ.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ ที่ปรึกษาศูนย์ประสานจัดการความรู้เพื่อรับมือภัยพิบัติ (ศจภ.) ชี้ให้เห็นว่าศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ดีควรมีความพร้อม 9 ด้าน ได้แก่ 1.ระบบไฟ คือต้องวางระบบให้ปลอดภัยจากไฟฟ้าชอร์ตด้วยการติดตั้งและทดสอบอุปกรณ์ตัดไฟสม่ำเสมอ ที่สำคัญคือการจัดเตรียมระบบไฟสำรอง โดยศูนย์พักพิงที่มีผู้ประสบภัย 400 คน ควรมีเครื่องปั่นไฟขนาด 4 กิโลวัตต์
2.ระบบน้ำ ต้องจัดให้พอเพียงต่อการอุปโภคบริโภค โดยผู้ประสบภัย 1 คน จะใช้น้ำเฉลี่ยวันละ 5 ลิตร แต่หากอยู่ในพื้นที่วิกฤตอาจเหลือเพียง 3 ลิตร นอกจากนี้จำเป็นต้องมีระบบทำความสะอาด อาทิ การกรอง การต้ม การแกว่งสารส้ม
3.ระบบอาหาร ควรมีครัวปรุงสุกในศูนย์พักพิงเพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการขนย้าย เช่น การบูดเน่า และต้องมีระบบจัดเก็บอาหารสด-แห้ง โดยผู้ประสบภัย 1 คน จะรับประทานอาหารประมาณวันละ 3 ขีด
4.ระบบสุขภิบาล เน้นหนักที่ห้องสุขาและการจัดการขยะ โดยเกณฑ์เหมาะสมคือสุขา 1 ห้อง ต่อผู้ประสบภัย 20 คน ส่วนปริมาณขยะในแต่ละวัน เทียบจากผู้ประสบภัย 40 คน จะสร้างขยะ 100 ลิตร
5.ระบบการดูแลผู้ป่วย ต้องมีการจดบันทึกและจัดทำประวัติผู้ป่วย มีบุคลากรสำหรับปฐมพยาบาลเบื้องต้นและจัดทำระบบเฝ้าระวังโรคระบาดในพื้นที่
6.ระบบความปลอดภัย โดยเฉพาะอันตรายที่เกิดจากไฟฟ้า สัตว์ร้ายมีพิษ และจากคนด้วยกันเอง อาทิ ภัยจากผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การคุกคามทางเพศ
7.ระบบสื่อสาร คือต้องพร้อมทั้งการสื่อสารภายในและภายนอก กล่าวคือภายในต้องมีการทำแผ่นป้ายประชาสัมพันธ์แจ้งเหตุ แสดงแผนที่ศูนย์อพยพและบริเวณใกล้เคียง และบริหารจัดการเพื่อให้ผู้อพยพแสดงตัว เช่น การทำป้ายชื่อ ส่วนภายนอกต้องแจ้งการดำรงอยู่ของศูนย์ให้สังคมรับทราบ
8.ระบบขนส่งลำเลียง ทั้งอาหารและผู้ป่วยต้องมีความชัดเจน โดยต้องประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกไว้ล่วงหน้า เมื่อประเมินว่ากำลังเข้าสู่ภาวะขาดแคลนหรือภาวะวิกฤต ต้องสามารถลำเลียงอาหารสู่ศูนย์พักพิงหรือส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียงได้ทันที
9.ระบบจัดการ คือแผนสำหรับบริหารจัดการ 3 ส่วน คือคน สิ่งของ และสถานที่
นพ.โกมาตร บอกว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลใดยืนยันว่าศูนย์พังพิงชั่วคราวมีจำนวนเท่าใด แต่ละแห่งมีผู้ประสบภัยมากน้อยเพียงใด ปัญหาเรื่องความแออัดและความไม่เพียงพอของทรัพยากรจึงเกิดขึ้น ดังนั้นทุกศูนย์พักพิงจำเป็นต้องมีหลักการคำนวณเบื้องต้น เพื่อประเมินกำลังของตัวเองและขอรับการสนับสนุนจากภายนอก
ด้าน นพ.ภาสกร อัครเสวี ผู้อำนวยการสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข อธิบายถึง 10 ข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้เข้าอาศัยในศูนย์พักพิงชั่วคราวว่า 1.ไม่เก็บอาหารข้ามมื้อ ควรกินอาหารที่ผ่านความร้อน ปรุงสุกใหม่ๆ ไม่เกิน 4 ชั่วโมง ก่อนกินอาหารสังเกตกลิ่นและรสชาติว่าบูด เสีย หรือไม่ ถ้าบูด เสีย ห้ามกิน ให้ทิ้งลงถังขยะ และแจ้งผู้ประสานงานในศูนย์ฯ ว่า พบอาหารบูด เสีย เพื่อระงับการแจกอาหารชนิดนั้น
2.ดื่มน้ำสะอาดต้มสุกหรือน้ำบรรจุขวด ถ้าผิดปกติไม่ควรดื่ม ให้เปิดฝาขวดและนำไปเป็นน้ำใช้ 3.ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่หรือเจลล้างมือ ก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องส้วม และหลังไอ จาม หรือสั่งน้ำมูก 4.ถ้ามีอาการระคายเคืองตา ปวดตา น้ำตาไหล ตาแดง ขี้ตามากผิดปกติ ควรแจ้งหน่วยแพทย์ที่ประจำศูนย์พักพิงทันที ไม่ควรขยี้ตา แยกของใช้ ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับคนอื่น
5.ใช้ผ้า กระดาษทิชชู ปิดปากและจมูกเวลาไอ จาม หรือถ้ามีอาการป่วยโรคทางเดินหายใจควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่คนอื่น 6.ถ้ามีอาการเจ็บป่วย เช่น ท้องเสีย มีไข้ ปวดศีรษะ ไอ อ่อนเพลีย คันตามผิวหนัง เบื่ออาหาร ระคายเคืองตา รีบแจ้งหน่วยแพทย์ที่ประจำศูนย์พักพิงทันที 7.ทิ้งขยะ เศษอาหารลงในถังขยะที่จัดไว้ให้
8.รักษาความสะอาดห้องส้วม ห้องอาบน้ำทุกครั้งหลังใช้เสร็จ 9.ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ถ้าขาดยาหรือไม่มียา ให้แจ้งหน่วยแพทย์ที่ประจำศูนย์พักพิงทันที 10.หากบุคคลใกล้ชิดมีอาการไม่สบาย แจ้งหน่วยแพทย์ประจำศูนย์พักพิงทันที
ในวันที่จิตใจบอบช้ำ-ชีวิตโรยรา ศูนย์พักพิงชั่วคราวใช่เพียงแค่ที่ซุกหัวนอนให้ผ่านพ้นไปวันๆ หากแต่ต้องเป็นหนึ่งในกลไกปลอบประโลมผู้ประสบภัยอีกด้วย