- Home
- Thaireform
- สารคดีเชิงข่าว
- ต้นแบบพัฒนา 'บึงบางซื่อ' ด้วยพลังประชารัฐ
ต้นแบบพัฒนา 'บึงบางซื่อ' ด้วยพลังประชารัฐ
“ เอสซีจีได้ประโยชน์จากที่ดินตรงนี้จากการขุดดินดำในการผลิตปูนซีเมนต์ ถึงเวลาที่ต้องพัฒนาเพื่อคืนความสุขให้กับชุมชน ให้ชุมชนน่าอยู่ ทำให้เหมาะสมกับความต้องการ ส่วนพื้นที่สาธารณะ เราต้องทำจนสามารถสร้างประโยชน์ให้กับทุกๆคนได้”
'บึงบางซื่อ' เดิมเป็นแหล่งดินดำซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตปูนซีเมนต์ของบริษัทปูนซีเมนต์ไทย โรงงานบางซื่อ เริ่มมีการขุดดินดำจากบึงบางซื่อมาตั้งแต่ปี 2458 และได้มีการใช้พื้นที่รอบบึงบางซื่อสร้างบ้านให้กับคนงาน ครอบครัว รวมถึงพนักงานที่เฝ้าเครื่องจักรได้อยู่อาศัยในพื้นที่บริเวณนี้ จนกลายเป็นชุมชนบึงบางซื่อนับตั้งแต่นั้นมา
จนกระทั่งช่วงประมาณปี 2511 มีการยกเลิกการใช้งานบึงบางซื่อในการขุดดินดำ ชุมชนดั้งเดิมที่เคยทำงานกับบริษัทปูนซีเมนต์ไทยยังคงอาศัยอยู่ที่นี่ อีกทั้งยังมีคนต่างถิ่นทั้งในกทม.และต่างจังหวัดอพยพเข้ามาอาศัยจนกลายเป็นชุมชนใหญ่ มีความแออัด ไม่สามารถเข้าถึงระบบสาธารณูปโภคได้ กลายเป็นปัญหาสังคมทั้งด้านความเป็นอยู่ เศรษฐกิจ การศึกษา งานประจำ และปัญหาอื่นๆตามมาอีกมากมาย
ปัจจุบัน บึงบางซื่อมีพื้นที่ทั้งหมด 61 ไร่ เป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ 53 ไร่ เป็นที่ดินขอบบึง 8 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ตาบอด ไม่มีทางเข้าออก สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม มีชุมชนอาศัยอยู่ประมาณ 250 ครัวเรือน มีประชากรประมาณ 1,300 คน แบ่งเป็น 5 ชุมชนหลัก ได้แก่ ชุมชนบ้านยาว ชุมชนบ้านยาม ชุมชนบ้านสวน ชุมชนบ้านโขดขาว และชุมชนริมน้ำมั่นคง
บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือเอสซีจี จึงได้นำแนวทางของสานพลังประชารัฐมาใช้ในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่บึงบางซื่อ ซึ่งได้รับคำแนะนำจากพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล และได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนมาร่วมกันพัฒนาให้โครงการมีความสมบูรณ์มากขึ้นในโครงการ ‘สานพลังประชารัฐ การพัฒนาพื้นที่บึงบางซื่อ’
เมื่อเร็วๆ นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสานพลังประชารัฐ การพัฒนาพื้นที่บางซื่อ โดยระบุว่า โครงการดังกล่าวถือว่าเป็นความร่วมมือของภาครัฐ เอกชนและชุมชนอย่างเป็นรูปธรรมที่นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในชุมชนแออัดซึ่งมีปัญหาในเรื่องสุขอนามัย ความปลอดภัย รวมทั้งการเข้าถึงระบบการบริการของภาครัฐเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากไม่มีทะเบียนราษฎร์ รัฐบาลจึงเห็นความสำคัญที่จะเข้ามาจัดระเบียบ เพื่อให้ประชาชนได้รับสิทธิพื้นฐานที่เท่าเทียมกัน
โครงการนี้จึงเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามโครงการประชารัฐ พร้อมทั้งสนับสนุนการยกระดับคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของประชาชนฐานราก โดยเฉพาะการส่งเสริมด้านอาชีพ การจัดหาที่อยู่อาศัยในแต่ละพื้นที่ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้เกิดขึ้นในชุมชน
ด้านนายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เล่าว่า เอสซีจีได้เริ่มดำเนินโครงการนี้ตั้งแต่กลางปี 2559 โดยต้องการที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้ดีขึ้น อีกทั้งยังเล็งเห็นว่า ปัจจุบันบึงบางซื่อเป็นพื้นที่ใจกลางเมืองที่มีบึงน้ำขนาดใหญ่ สามารถใช้เป็นแก้มลิงป้องกันน้ำท่วมได้ และยังเป็นปอดและแหล่งพักผ่อนของคนกรุงเทพฯ ได้อีกด้วย จึงต้องการมอบที่ดินผืนนี้ให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม
เมื่อมีโครงการสานพลังพัฒนาประชารัฐเข้ามาช่วยสนับสนุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี บอกว่า ทำให้ทำงานได้อย่างเต็มรูปแบบ
สำหรับแผนในการพัฒนานั้น เขาอธิบายให้เห็นภาพว่า แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนและการพัฒนาบึงน้ำสาธารณะ
การพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชน โดยจะดำเนินการก่อสร้างที่พักอาศัยทั้งหมด 197 ยูนิต แบ่งเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ 60 ยูนิต อาคารชุดพักอาศัย 4 ชั้น จำนวน 3 อาคาร 133 ยูนิต และบ้านสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่มีผู้ดูแลและไม่มีรายได้อีก 4 ยูนิต
โครงการดังกล่าวมุ่งหวังที่จะเป็นต้นแบบการยกระดับคุณภาพชีวิตใน 4 ด้าน ได้แก่
1) เป็นต้นแบบที่อยู่อาศัยชุมชนเมือง คำนึงการใช้ประโยชน์จากที่ดินที่มีราคาสูงเนื่องจากบึงบางซื่อเป็นที่ดินที่อยู่ใจกลางเมือง จึงออกแบบให้เกิดการใช้ประโยชน์จากระบบสาธารณูปโภคและพื้นที่สาธารณะร่วมกัน เช่น ที่จอดรถ การจัดการขยะ พื้นที่สีเขียว
2) เป็นต้นแบบการมีส่วนร่วมของผู้อยู่อาศัย การจัดตั้งกลุ่มชุมชนออมทรัพย์เพื่อขอสินเชื่อจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์กรมหาชน) หรือ พอช. ในการสร้างที่อยู่อาศัยตนเอง ออกแบบบ้านที่เหมาะสมกับจำนวนสมาชิกในครัวเรือน จัดวางผังบ้านให้เหมาะสม จัด Zoning ที่พักอาศัยตามกลุ่มชุมชนเดิมเพื่อรักษาโครงสร้างและความผูกพันทางสังคมเดิมกับเครือญาติ
3) เป็นต้นแบบบึงน้ำสวนสาธารณะ เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของชุมชนเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ โดยจะพัฒนาเป็นบึงน้ำสวนสาธารณะ เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายสำหรับคนกรุงเทพ เรียนรู้และปลูกฝังจิตสำนึกการอนุรักษ์น้ำ บริหารจัดการพื้นที่ให้คนในชุมชนสามารถสร้างรายได้เพื่อเลี้ยงตัวเองได้
4) เป็นต้นแบบโครงการสานพลังประชารัฐ โดยคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินโครงการ ประกอบด้วย บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) สถาบันพัฒนาองค์การชุมชน (องค์กรมหาชน) สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล การรถไฟแห่งประเทศไทย สำนักงานเขตจตุจักร สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กรุงเทพมหานคร และกรมธนารักษ์
ในช่วงแรกของการดำเนินงานตามแผนพัฒนาพื้นที่นั้น เขายอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยความที่เอสซีจีดำเนินงานทางธุรกิจเป็นหลัก ไม่มีความรู้ในการสร้างกระบวนการความเข้าใจและการมีส่วนร่วม จึงไม่สามารถจัดทำที่อยู่อาศัยตามความต้องการของชุมชนได้ ภายหลังได้ร่วมมือกับพอช. จัดทำโครงการแนวทางบ้านมั่นคง แต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ เพราะชุมชนมีปัญหาด้านงบประมาณและศักยภาพในการผ่อนชำระไม่เพียงพอ ในระยะแรกจึงมีเพียง 45 ครัวเรือนที่เข้าร่วมเนื่องจากบ้านทรุดโทรมมาก แต่ก็ไม่ตอบสนองกับการใช้ชีวิตและความต้องการของชุมชน
“ยอมรับว่า เอสซีจีได้ประโยชน์จากที่ดินตรงนี้จากการขุดดินดำในการผลิตปูนซีเมนต์ ถึงเวลาที่ต้องพัฒนาเพื่อคืนความสุขให้กับชุมชน ต้องการให้ชุมชนน่าอยู่ ทำให้เหมาะสมกับความต้องการ ซึ่งชุมชนได้มีส่วนร่วมในการออกแบบที่อยู่อาศัย ส่วนพื้นที่สาธารณะ เราต้องทำจนสามารถสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนและทุกๆคนได้โดยไม่ทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง”
ทั้งนี้ ทางเอสซีจีคาดว่า ในส่วนของการสร้างที่พักอาศัยทั้งหมด 197 ยูนิต จะแล้วเสร็จในปี 2563 จากนั้นจึงจึงพัฒนาบึงน้ำสาธารณะเพื่อสาธารณะประโยชน์ต่อไป..