- Home
- Thaireform
- สารคดีเชิงข่าว
- ควันหลง "แจ็คหม่าเยือนไทย" VS ยุคการล่าอาณานิคม (ใจ) ผู้บริโภค
ควันหลง "แจ็คหม่าเยือนไทย" VS ยุคการล่าอาณานิคม (ใจ) ผู้บริโภค
เราอยู่ในยุคการล่าอาณานิคม ยุคดิจิทัล คือ การล่าอาณานิคมใจของผู้บริโภคประเทศนั้น บริการใดๆในโลกที่ได้ใจของผู้บริโภคไปเยอะ 80-90% ใช้บริการแล้วหลงรัก ขาดไม่ได้ อย่างเช่น กูเกิ้ล เฟชบุค นี่คือ 'เรือรบ' ของการล่าอาณานิคม คือบริการที่ดีมากๆ จนได้ใจคนประเทศนั้นไป
จีนเป็นตลาด E-Commerce ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ต (China Internet User) 772 ล้านคน มีนักช็อปปิ้งผ่านมือถือ (Number of Internet Shoppers in China) ถึง 650 ล้านคน ขณะที่ปี 2020 ตลาด E-Commerce จีนใหญ่เท่ากับตลาด E-Commerce ของสหรัฐ อังกฤษ ญี่ปุ่น เยอรมัน และฝรั่งเศสรวมกัน (อ่านประกอบ:กฎระเบียบ -อุปสรรคเพียบ! นักเศรษฐศาสตร์ มธ. ชี้เอสเอ็มอีไทย ทำการค้าออนไลน์ในจีนไม่ง่าย)
“ตลาดE-Commerce จีน เติบโตเร็วมากช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันเริ่มอยู่ตัวแล้วไม่ได้โตเร็วเหมือนเมื่อก่อน” นายธนาวัฒน์ มาลาบุปผา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ไพรซ์ซ่า จำกัด และนายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็คทรอนิกส์ประเทศไทย ให้มุมมองต่อกรณี "แจ็คหม่าเยือนไทย ใครได้ใครเสีย" ในเวทีสัมมนาวิชาการที่จัดโดย คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อเร็วๆ นี้
ตลาด E-Commerce จีนที่เห็นว่า ยักษ์ใหญ่มากๆ มูลค่าออนไลน์ช็อปปิ้งแค่ 15% ขณะที่ของไทย 1% แปลว่า ไทยและประเทศอาเซียน ตลาด E-Commerce ยังมีโอกาสเติบโต 10 -15 เท่าภายในระยะเวลา 3-5 ปี
เขาเห็นว่า นี่คือเหตุผลหลัก ที่ทำไมแจ็คหม่าต้องมาไทย เขาเอาธุรกิจอาลีบาบา ก้าวเข้าสู่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทุกอย่างคือการลงทุน ฉะนั้นไม่มีคำว่านักบุญ
“แจ็คหม่า มีเงินสดมากมาย เขาต้องลงทุนกับตลาด E-Commerce แห่งใหม่มีเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ “Southeast Asia” ที่มีประชากร 600 ล้านคน และคาดกันว่า ไม่เกิน 2 ปี จะมีคนเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ถึง 500 ล้านคน อินเตอร์เน็ตกลายเป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน คนรู้สึกต้องมีเหมือนไฟฟ้า น้ำประปา ฉะนั้นอาลีบาบาไม่ได้มองแค่ประเทศไทย มอง Southeast Asia เป็นอีกตลาดที่เขาจะยกทัพสินค้าจีนเข้ามาในภูมิภาคนี้”
ที่มาภาพ:https://thanawat.co/my-profile/
มีข้อมูลที่น่าคิดวิเคราะห์ตาม วันที่ 12.12.2017 วันลดราคาของ Lazada เจ้าของคืออาลีบาบา ให้บริการในภูมิภาค Southeast Asia วันนั้น Lazada ขายสินค้าได้ 1,500 ล้านบาท หรือ 1.5 ล้านคำสั่งซื้อ ในจำนวนนี้ 333 ล้านบาท (3 แสนคำสั่งซื้อ) เป็นสินค้าที่ส่งมาจากประเทศจีน
หลายคนมอง Lazada คือแพลตฟอร์มประเทศไทย ทุกอย่างเป็นภาษาไทย จริงๆ แล้วผู้ขายอยู่ประเทศจีน สินค้าส่งตรงมาจากจีน นายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเทศไทย ให้ข้อมูลอีกว่า วันนั้นวันเดียว Lazada ต้องเหมาเครื่องบินเอาสินค้ายกมาเลย เฉพาะประเทศไทย
หากมองภูมิภาคนี้ 6 ประเทศ 12.12.2017 วันเดียวที่ Lazada ลดราคา ปรากฏว่า มีคำสั่งซื้อสินค้าโดยประมาณ 1.8 ล้านคำสั่งซื้อ
นี่แค่จุดเริ่มต้น Free Trade Zone ยังไม่ได้ทำ EEC ยังไม่ได้เริ่ม นี่แค่ Kick off
“วันเดียวมีคำสั่งซื้อ 1.8 ล้านคำสั่งซื้อ หากเขาเข้ามาเต็มๆ ผู้ประกอบการชาวไทยที่ทำสินค้าเหมือนจีนเลย ผู้ประกอบการชาวไทยจะทำอย่างไร”
นอกจากนี้ยังข้อมูลที่น่าสนใจ คนไทยรู้หรือไม่ Lazada มีสินค้าอยู่กี่ตัว ?
ตอบ:50 ล้านชิ้น (item)
แล้วรู้หรือไม่ 50 ล้านชิ้น ที่ขายอยู่บน Lazada มีผู้ประกอบการชาวไทยกี่ล้านชิ้น ?
ตอบ:3 ล้านชิ้น
ฉะนั้นใน 50 ล้านชิ้น ในสินค้าคนไทยแค่ 3 ล้านชิ้น อีก 47 ล้านชิ้น Made in China
ขณะที่แพลตฟอร์มของอาลีบาบา Taobao.com และTmall.com มีสินค้าอยู่มากกว่า พันล้านชิ้น!!!
“วันนี้อาลีบาบาเอามาแค่ 47 ล้านชิ้น ที่ขายดี เอาเจ้าที่พร้อมส่งสินค้าออกต่างประเทศ ไม่ได้มาแค่ไทย ยังไปสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์” นายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ฯ ระบุ และชี้ว่า หากวันที่ประเทศไทยเปิดประตูเต็มที่ ทำตามทุกอย่างที่แจ็คหม่าขอ สินค้าจีนจะทะลักเข้ามาได้ขนาดไหน
นี่คือความจริงอีกด้าน ในสายตาผู้ประกอบการตัวจริงเสียงจริง
สำหรับสิ่งที่แจ็คหม่าของรัฐบาลไทย หนึ่งในนั้นเรื่องภาษีศุลากากร เช่น เวลาคนไทยสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ มูลค่าสินค้าน้อยกว่า 1,500 บาท ไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร ซึ่งคนไทยช็อปปิ้งผ่าน aliexpress ซึ่งเจ้าของ คือ แจ็คหม่า สินค้าในนั้นถูกมาก 1 บาทก็ขาย ลองนึกดูค่าขนส่งก็ไม่ได้แล้ว แค่ขาย 1 บาทส่งฟรีทั่วโลก
“สิ่งที่แจ็คหม่า ขอรัฐบาลไทย คือ ให้ผ่อนคลายกฎหมาย ให้จากเดิม 1,500 บาท ไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร เพิ่มเป็น 3,000 บาท เพิ่มอีกเท่าหนึ่ง หากรัฐบาลไทยยอม สิ่งที่เกิดขึ้นคือ กลุ่มสินค้าที่คนไทยช็อปจากต่างประเทศจะเพิ่มอีกหลายเท่า”
ทั้งนี้ นายธนาวัฒน์ ยังฉายภาพอาลีบาบา ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ใหญ่มากเหมือนห้างสรรพสินค้าออนไลน์ที่คนจีน 80% ควบคุมได้จะซื้อสินค้าแบรนด์ไหน
"วันนี้คุณเข้าไปจะเจอแบรนด์ A ตั้งอยู่บนชั้น 1 หากแบรนด์ A ไม่ทำโปรโมชั่นกับ อาลีบาบา เขาสามารถยกแบรนด์ A ออกจากชั้น 1 ได้เพียงคลิกเดียว เอาแบรนด์ B เสียบชั้น 1 นึกภาพหากอาลีบาบาใหญ่เสียจนกระทั่งเขาผูกขาดตลาด (Monopoly) ไม่มีคู่แข่งวันนั้นเขาจะกำหนดทิศทางของผู้ประกอบการใดๆ ก็ได้ ไม่ว่าสินค้าใดๆก็ได้"
และไม่ใช่ผู้ประกอบการไทยเท่านั้นที่จะถูกผลกระทบ นายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเทศไทย บอกว่า ภาคส่วนที่มีผลกระทบตามมาก็ คือ ธนาคาร และธุรกิจขนส่ง
สุดท้ายเขาเสนอ ในเมื่อเราอยู่ในยุคการล่าอาณานิคม ยุคดิจิทัล คือ การล่าอาณานิคมใจของผู้บริโภคประเทศนั้น บริการใดๆในโลกที่ได้ใจของผู้บริโภคไปเยอะ 80-90% ใช้บริการแล้วหลงรัก ขาดไม่ได้ อย่างเช่น กูเกิ้ล เฟชบุค นี่คือเรือรบของการล่าอาณานิคม คือบริการที่ดีมากๆ จนได้ใจคนประเทศนั้นไป
"ผมขอให้กฎหมายการผูกขาดตลาดของบ้านเราทำให้แรง และในเมื่อผู้นำรัฐบาลไทยเปิดต้อนรับอาลีบาบา เราก็ควรชวน นายเจฟฟ์ เบโซส เจ้าของ Amazon.com มาด้วย เพื่อทำให้มีความสมดุลด้วย เราชวนแจ็คหม่า ก็ต้องชวนคู่แข่งมาด้วย ตอนนี้ตลาดAmazon ขยับไปที่อินเดีย ซึ่งคู่แข่งคือ Walmart ตลาดจึงสมดุลกัน ผมคิดว่า เมื่อเราเปิดรับเจ้าหนึ่งแล้วต้องเปิดรับเจ้าอื่นด้วย เพื่อให้มีการแข่งขันกัน"