- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ส.อ.ท. สำรวจ 5 ปีข้างหน้า 6 อุตฯ ขาดแคลนแรงงานหนัก
ส.อ.ท. สำรวจ 5 ปีข้างหน้า 6 อุตฯ ขาดแคลนแรงงานหนัก
ปลัดกระทรวงแรงงานเผยเฉพาะอุตสาหกรรมสิ่งทอ เผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงานมากถึง 1แสนคน ส่วนใหญ่เป็น รง.ตัดเย็บเสื้อผ้าระดับล่างและระดับกลางกว่าพันแห่ง
เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ร่วมประชุมการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรมหลักและสิ่งทอ ซึ่งที่ประชุมจากตัวแทนภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ได้ชี้ให้เห็นข้อมูลผลสำรวจความต้องการแรงงานของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พบว่า มีความต้องการแรงงานใน 6 อุตสาหกรรมหลัก ประกอบด้วย อุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องปรับอากาศ เครื่องจักรกลและโลหะ และเครื่องจักรกลการเกษตร ในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า พบด้วยว่า มีความต้องการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นถึง 248,000 คน คิดเป็นร้อยละ 19.2 ของการจ้างงานรวมในปี 2553 ซึ่งมีอยู่ประมาณ 1,290,000 คน กระจายไปในอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ต้องการจ้างแรงงานเพิ่มจำนวน 118,000 คน อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 48,000 คน อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า จำนวน 28,000 คน และอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลโลหะการเกษตรและแม่พิมพ์ อีกจำนวน 54,000 คน
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลบ่งชี้เฉพาะในอุตสาหกรรมสิ่งทอ กำลังเผชิญกับปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างมากถึงประมาณ 100,000 คน ส่วนใหญ่จะเป็นในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าระดับล่างและระดับกลางกว่า 1,000 แห่ง ในขณะที่นักศึกษาที่จบด้านการตัดเย็บเสื้อผ้าระดับ ปวช. และปวส. ในแต่ละปีจะมีเพียงประมาณ 1,000 คน แต่ความต้องการจ้างแรงงานกลุ่มนี้กลับทะยานพุ่งสูงถึงปีละ 5,000 คนทีเดียว
ที่ประชุมได้พูดคุยถึงความเป็นไปได้ที่จะเลิกการใช้แรงงานราคาถูก เนื่องจากประเทศไทยไม่สามารถแข่งขันด้านค่าจ้างกับประเทศเพื่อนบ้านได้แล้ว จึงต้องหาทางออกอื่นๆ เพื่อจูงใจแรงงานเข้ามาสู่อุตสาหกรรมที่ขาดแคลนและต้องการแรงงานให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าจ้าง สวัสดิการ ต่างๆ แม้บางอุตสาหกรรมจะยังต้องการแรงงานที่ระดับการศึกษาไม่ต้องสูงมาก แต่ก็น่าจะหายากขึ้น เพราะนักเรียน นักศึกษานิยมศึกษาต่อในระดับสูงขึ้น การจัดระบบโครงสร้างการศึกษาควบคู่กับการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของภาคการผลิตในสถานประกอบกิจการแต่สามารถถ่ายโอน( transfer) หน่วยกิตเข้าสู่ระบบการศึกษาได้ และการเปิดเสรีด้านแรงงานของอาเซียนในปี 2558 ทำให้แรงงานฝีมือ และกึ่งฝีมือสามารถเคลื่อนย้ายไปมาระหว่างประเทศได้ ตลอดจนการบูรณาการข้อมูลความต้องการและการมุ่งผลิตแรงงานให้เป็นไปตามความต้องการที่แท้จริงของตลาดแรงงานอย่างมีเป้าหมายชัดเจน การมุ่งเสาะแสวงหาแรงงานที่มีความตั้งใจในสายความก้าวหน้าในอาชีพ (career path) เพื่อดึงดูดใจให้แรงงานไม่เคลื่อนย้าย การสร้างแรงงานจากผู้ด้อยโอกาสต่างๆ เข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมก็จะสร้างความยั่งยืนมากกว่าผู้ที่มีโอกาสและทางเลือกที่มักพร้อมจะก้าวออกไปจากระบบอุตสาหกรรมใดๆ ได้เมื่อมีภาวะพร้อม ตลอดจนการจัดระบบคุณวุฒิวิชาชีพ (VQ : Vocational Qualification System) ที่จะสามารถส่งผลต่อการเพิ่มเป็นต้น ขณะที่แรงงานเองก็มีความสุขในการทำงาน ขวนขวายเพิ่มพูนทักษะเพื่อพัฒนาตนให้ก้าวหน้าต่อไป