- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ผลัก “มหาวิทยาลัยชีวิต” เป็นสถาบันการศึกษาเอกชน คาดรู้ผลต้นปีหน้า
ผลัก “มหาวิทยาลัยชีวิต” เป็นสถาบันการศึกษาเอกชน คาดรู้ผลต้นปีหน้า
รศ.ดร.เสรี พงศ์พิศ ย้ำเวทีการปฏิรูปประเทศไทยเป็นเวทีแห่งการเรียนรู้ร่วมกัน แนะทิศทางต่อไปต้องสร้างความเชื่อมโยงที่ชัดเจน เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังทางสังคม
เมื่อเร็วๆ นี้ รศ.ดร.เสรี พงศ์พิศ ผู้อำนวยการมูลนิธิสถาบันส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน (สสวช.) และผู้อำนวยการสถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชน (โครงการมหาวิทยาลัยชีวิต) ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าร่วมเป็นหนึ่งในเครือข่ายสถาบันทางปัญญา ร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลก โดยเห็นว่า เวทีปฏิรูปประเทศไทย เพื่อสุขภาวะของคนไทย เป็นเวทีแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งทิศทางการดำเนินงานต่อไปนั้นควรจะมีแนวทางเป้าหมายที่ชัดเจน รวมถึงการเชื่อมโยงความเคลื่อนไหวระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น
รศ.ดร.เสรี กล่าวถึงการประชุมของเครือข่ายสถาบันทางปัญญาว่า ได้มีส่วนร่วมรับผิดชอบการปฏิรูปประเทศไทยในมิติการศึกษา ประเด็นการจัดการเรียนรู้การศึกษาเพื่อชุมชน รวมถึงงานชุมชน ซึ่งล้วนเกี่ยวโยงกันทั้งหมด การที่ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้และได้ทำความเข้าใจปัญหาบางประเด็นอย่างลึกซึ้งจากผู้เชี่ยวชาญในแวดวงต่างๆ ที่มีประสบการณ์ ความรู้ ในแต่ละประเด็นนับเป็นประโยชน์มาก ซึ่งทิศทางการดำเนินงานของเวทีปฏิรูปฯ ในปีต่อไป ควรสนับสนุนให้เกิดเครือข่ายที่เชื่อมโยงกันเพื่อให้เกิดการเรียนรู้และเปลี่ยนเป็นพลังทางสังคม
“อยากจะเห็นความเชื่อมโยงว่าจะทำอย่างไรให้มีความเคลื่อนไหวระหว่างผู้ที่เข้าร่วมเวทีฯ หน่วยงาน และกลุ่มต่างๆ ของแต่ละเครือข่ายที่มาร่วม ให้แต่ละคนที่เป็นตัวแทนของเครือข่ายมากกว่าในลักษณะตัวบุคคล”
เมื่อถามถึงการผลักดันโครงการมหาวิทยาลัยชีวิตเป็นสถาบันการศึกษาเอกชนเข้าสู่ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) รศ.ดร. เสรี กล่าวว่า คาดรู้ผลต้นปีหน้า ที่ผ่านมา สกอ. ให้ความร่วมมืออย่างดี แต่มีกรรมการบางท่านตั้งคำถามถึงประเด็นมาตรฐานคุณภาพของหลักสูตรว่า มีแบบที่หลักสูตรทั่วไปมีหรือไม่ มีคำถามว่า หากจบปริญญาตรี บอกชีวิตดีขึ้นจะมีตัวชี้วัดอะไรบ้างที่เป็นมาตรฐานสากลของปริญญาตรี ทั้งนี้มีการพาออกไปดูการดำเนินงานจริงที่โครงการมหาวิทยาลัยชีวิตว่า ได้ทำอย่างไรบ้าง มีกรรมการในส่วนของชุมชนท้องถิ่นร่วมด้วย มีศูนย์เรียนรู้ชุมชนต่างๆ อยู่ทั่วประเทศ เช่น สถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชนที่แม่กลอง จ.สมุทรสงคราม ที่อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ หรือในภาคอีสาน
“โครงการมหาวิทยาลัยชีวิต เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ต้องการสร้างความรู้ใหม่ให้คน เพราะจะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจที่ดีทำให้เกิดสิ่งใหม่ ดังนั้นทำอย่างไรจึงจะทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับทุกคนที่เรียน ทำให้ผู้เรียนได้สิ่งใหม่ๆ จากการได้ร่วมเรียนรู้ ร่วมฟัง ได้มีการทำงานด้วยภายในของตัวเอง นำไปปฏิบัติด้วย เช่น กรณีของอบต.ปากพูน อ.เมืองนครศรีธรรมราชที่เห็นความสำคัญของการพัฒนาคนได้ส่งตัวแทนกลุ่มหนึ่งมาเรียนรู้จากโครงการฯ นำปัญหาจริงมาเรียนรู้และแก้ไข นำความรู้ไปพัฒนาจัดการเป็นการเรียนเพื่อชีวิตจริงๆ เป็นการสร้างความรู้ใหม่ซึ่งความรู้ใหม่เท่านั้นที่จะมีพลังเปลี่ยนแปลงได้”