- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- เสมา1ตีปิ๊บปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง
เสมา1ตีปิ๊บปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง
ยืนยัน การปฏิรูปการศึกษาครั้งนี้จะไม่พูดถึงโครงสร้างเหมือนอดีตแล้ว ดีเดย์ มี.ค.นี้จัดประชุมสมัชชาการปฏิรูปการศึกษา เพื่อให้ทุกภาคส่วนเห็นเป้าหมายที่ตรงกัน
วันนี้ (23 ม.ค.) นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ บรรยายการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง แก่ผู้บริหารสถานศึกษาที่เข้าร่วมสัมมนาการเสริมสร้างและเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจในทางการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รุ่นที่ 5 จากเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดเพชรบูรณ์ กำแพงเพชร มุกดาหาร ขอนแก่น สระบุรี กาญจนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว นราธิวาส และภูเก็ต ที่ห้องประชุมรัฐสภา
รมว.ศธ. กล่าวถึงการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง ว่า จะไม่พูดถึงโครงสร้างเหมือนการปฏิรูปการศึกษาครั้งที่ผ่านมา โดยแนวทางการปฏิรูปการศึกษาครั้งนี้ จะเร่งดำเนินการในเรื่องที่สำคัญ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่จะให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง จะเริ่มต้นด้วยการจัดประชุมคณะกรรมการปฏิรูปการศึกษาฯ ภายในเดือนมีนาคม 2553 ซึ่งจะเชิญนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม เพื่อวางกรอบและทิศทางในการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา ให้ทุกคนเห็นเป้าหมายตรงกันในการปฏิรูปการศึกษา หลังจากนั้นในเดือนมีนาคม 2553 จึงจะมีการประชุมสมัชชาการปฏิรูปการศึกษา เพื่อให้ทุกภาคส่วนเห็นเป้าหมายที่ตรงกันในการปฏิรูปการศึกษา โดยจะมีเป้าหมาย ตัวชี้วัดต่างๆ อย่างชัดเจน เพื่อให้ผลสุดท้ายของการปฏิรูปการศึกษาไปตกอยู่ที่ตัวเด็ก ให้เป็นคนเก่ง ดี มีความสุข มีความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
“นอกจากนั้นจะเร่งในเรื่องของโครงการเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ โดยจะต้องเปลี่ยนความคิดโครงการนี้ใหม่ว่า ไม่ใช่โครงการที่แจกหนังสือ อุปกรณ์การเรียน เสื้อผ้านักเรียน แต่จะเป็นโครงการรองรับที่จะให้ทุกคนในวงการศึกษาได้มีส่วนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ให้โครงการนี้เป็นบันได้ขั้นแรกแก่โอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษาสำหรับเด็กไทย”
นายชินวรณ์ กล่าวถึงการสร้างโรงเรียนดีประจำตำบล ว่า จะมีทั้งห้องวิทยาศาสตร์ ห้องสมุด ห้อง e-Learning สระว่ายน้ำ มีการจัดทำ School Mapping มีการจัดทำ School Based Management ฯลฯ ซึ่งจะดำเนินการในเขตพื้นที่การศึกษาละ 1 ตำบล โดยให้หารือร่วมกับ อบต.เพื่อร่วมพัฒนาโรงเรียนดีระดับตำบล และหากตกลงกันได้ รมว.ศธ.จะมีการลงนามความร่วมมือกับ รมว.มหาดไทย รวมทั้งลงนามความร่วมมือระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกฯ อบต.ต่อไปด้วย
ส่วนโครงการจัดการศึกษาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รมว.ศธ. กล่าวว่า จะเน้นการส่งเสริมพัฒนาครูผู้สอนในบริบทต่างๆ ที่มีความหลากหลาย เพื่อให้มีกรอบความคิดในสังคมที่จะให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างหลากหลายทางวัฒนธรรม เพราะในยุคสังคมประชาธิปไตย ทุกคนต้องร่วมมือกัน
“ กศน.ตำบล ซึ่งจะให้เป็นแหล่งเรียนรู้ราคาถูกสำหรับประชาชน โดยจะให้ กศน.ตำบล จับมือกับ อบต.เช่นเดียวกัน โดยจะให้มีโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ให้ กศน.ตำบลเป็นศูนย์เรียนรู้ชุมชน เช่น ประชาชนในตำบลสามารถเช็คราคายางพารา การใช้ปุ๋ยชีวภาพ ฯลฯ โดยให้ครู กศน.ดูแล และสร้างเครือข่ายรักการอ่านแก่บุตรหลานในชุมชน ให้เกิดการอ่านทั้งในห้องสมุด ในโรงพยาบาล สร้างการอ่านในระหว่างการเดินทาง รวมทั้งการจัดทำมุมหนังสือไว้ที่บ้าน”
สำหรับ Teachers Channel นายชินวรณ์ กล่าวว่า จะดำเนินการ Tutor Channel ต่อไปโดยยึดหลักว่า คุณภาพของการเรียนจะต้องเกิดจากการเรียนในห้องเรียนหรือการเติมเต็มความรู้ผ่าน Tutor Channel ส่วนการกวดวิชานอกห้องเรียนนั้น จะเปลี่ยนกรอบความคิดใหม่ ซึ่งจะขอให้โรงเรียนกวดวิชาต่างๆ ช่วยสอนดนตรี นาฏศิลป์ ศิลปะ โยคะ เพื่อเติมเต็มและสนับสนุนการเรียนรู้ของเด็กนอกห้องเรียนมากขึ้น
รมว.ศธ. กล่าวถึงการสร้างขวัญกำลังใจให้ครูว่า จะมีการผลักดัน พ.ร.บ.เงินเดือนและเงินวิทยฐานะ ซึ่งได้เร่งรัดเรื่องนี้เพื่อให้ครูได้รับสิทธิประโยชน์ เป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ครู โดยเฉพาะโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตครู ที่จะมีการจัดตั้งเครือข่ายเพื่อพัฒนาชีวิตครู ให้ครูใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สิน โดยใช้กระบวนการจัดตั้งเครือข่ายในรูปแบบองค์การมหาชน ให้ครูได้พัฒนาตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู นอกจากนี้จะดึงคนเก่งๆ เข้ามาเป็นครูมากขึ้น มีการเพิ่มเงินเดือนขั้นต่ำของครูให้สูงขึ้น ตลอดถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตครูให้เป็นวิชาชีพชั้นสูง ให้ครูเป็นข้าราชการครูอย่างสมศักดิ์ศรี
นายชินวรณ์ กล่าวด้วยว่า จะสนับสนุนองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์อย่างจริงจัง โดยให้การศึกษาชูธงความเชื่อที่เป็นวิทยาศาสตร์ ให้สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา และโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ บูรณาการทำงานร่วมกัน เพื่อจะส่งเสริมและสร้างองค์ความรู้ใหม่ให้เกิดขึ้น เน้นการผลิตครูวิทยาศาสตร์และครูคณิตศาสตร์ เพื่อที่จะให้ครูเหล่านี้ได้เป็นพลังขับเคลื่อนในการจัดการเรียนการสอน จะมีการส่งเสริมต่อยอดให้นักเรียนได้มีโอกาสเข้ามาเรียนในโรงเรียนลักษณะพิเศษ คือ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ และมีการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัยในทุกภูมิภาคมากขึ้น