- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ปฏิรูปการศึกษารอบ 2 ปรับหลักสูตรร้อยละ 30 เรียนรู้ผ่านกิจกรรม
ปฏิรูปการศึกษารอบ 2 ปรับหลักสูตรร้อยละ 30 เรียนรู้ผ่านกิจกรรม
นายกฯ กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ เน้นย้ำการปฏิรูปการศึกษารอบนี้ต้องเห็นผลรวดเร็วเป็นรูปธรรม หวังผลสัมฤทธิ์สุดท้ายเด็กไทยเป็นคนที่มีคุณภาพ เก่ง ดี มีความสุข ไม่ลืมความเป็นไทย
วันนี้ (21 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ“เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ถึงการปฏิรูปการศึกษารอบ 2 ว่า จากการประชุมคณะกรรมการนโยบายปฏิรูปการศึกษาสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้หยิบยกเอาประเด็นและจุดเน้นต่าง ๆ มาซักซ้อมความเข้าใจกัน การปฏิรูปการศึกษาในรอบนี้ต้องมุ่งเน้นไปที่ผลสัมฤทธิ์สุดท้ายคือ ที่ตัวนักเรียน ที่ตัวเด็ก ซึ่งจะผ่านระบบการศึกษาออกมาแล้วเป็นคนที่มีคุณภาพ เก่ง ดี มีความสุข ไม่ลืมความเป็นไทย แล้วก็มีความเข้าใจเรื่องราวในระดับสากล การจะทำตรงนี้ได้ต้องมุ่งเน้นไปเรื่องของการเรียนการสอน เรื่องของบุคลากรทางด้านการศึกษาคือครูบาอาจารย์ และผู้บริหารทางด้านการศึกษา
"เรื่องสำคัญ ๆ ที่คิดว่าจะเป็นรูปธรรมและมีการผลักดันอย่างชัดเจน เริ่มต้นตั้งแต่ในส่วนของบุคลากรทางการศึกษา คือครูที่จะต้องมีการเร่งผลักดันในเรื่องของบัญชีเงินเดือน ในเรื่องของกองทุน เรื่องของการฝึกอบรมครูที่มีอยู่ในปัจจุบัน พร้อมทั้งโครงการครูพันธุ์ใหม่ ซึ่งได้มีการอนุมัติโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว ตรงนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะนำไปสู่การที่เรามีความพร้อมในเรื่องของการปรับปรุงคุณภาพการศึกษาในโรงเรียน"
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า อีกเรื่องที่จำเป็นต้องเร่งแก้ไข คือระบบการบริหารการจัดการในโรงเรียนขนาดเล็ก เพราะจากการประเมินคุณภาพการศึกษา โรงเรียนขนาดเล็กจะประสบกับปัญหามากที่สุด ฉะนั้น การแก้ไขปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กเป็นหัวใจสำคัญ และมีความจำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุงครั้งใหญ่ก็จะมีการดำเนินการอย่างเร่งด่วน นอกเหนือจากเรื่องของภาพรวมของการกระจายอำนาจ ที่จะให้สถานศึกษาต่าง ๆ สามารถที่จะดูแลแก้ไขปัญหาของตัวเองได้มากขึ้น พร้อม ๆ กับผลักดันให้มีธรรมาภิบาล
“ส่วนการปรับหลักสูตรในส่วนของโรงเรียนโดยเฉพาะระดับประถมที่มีเนื้อหาซ้ำซ้อนเกินความจำเป็น มีการสำรวจวิจัย พบว่า สามารถที่จะตัดออกได้ถึงร้อยละ 30 ซึ่งจะมีการดำเนินการเพื่อเปิดพื้นที่ เวลาประมาณร้อยละ 30 ของนักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านกิจกรรม หรือการเรียนรู้นอกห้องเรียน ผ่านกิจกรรมในเรื่องของกีฬา ศิลปะ การพบปะกับปราชญ์ชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน เป็นต้น”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า การเปลี่ยนแปลงเรื่องของหลักสูตรและระบบการศึกษาจะทำให้เด็กของเรา ลูกหลานของเราเติบโตขึ้นมา โดยมีความรู้รอบด้าน เป็นความรู้ที่ใช้ได้จริง และเป็นการเตรียมพื้นฐานที่ดีสำหรับการเป็นพลเมืองที่ดีในสังคมต่อไปด้วย อย่างไรก็ตาม ได้เน้นย้ำการปฏิรูปรอบนี้ต้องการเห็นผลในลักษณะที่ค่อนข้างจะรวดเร็วเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของเด็กนักเรียน