- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- แนะรบ.ใส่ใจข้อเรียกร้องเสื้อแดงประท้วงเรียกร้องความเป็นธรรม
แนะรบ.ใส่ใจข้อเรียกร้องเสื้อแดงประท้วงเรียกร้องความเป็นธรรม
หมอประเวศ ระบุ หากสังคมขาดความเป็นธรรม จะทำให้สังคมเกิดความทุกข์ ขัดแย้ง ไม่รักชาติ ไม่รักส่วนรวม ชี้สะสมมาตั้งแต่ในอดีตทั้งเรื่องศก. สังคม กม. และการเมืองการปกครอง พร้อมแนะคนไทยใช้สติ-ปัญญาแก้วิกฤติโดยไม่ต้องสูญเสีย
เมื่อเร็วๆนี้ ที่สถาบันวิจัย มหาวิทยาลัยรังสิต จัดงานประชุมวิชาการ ประจำปี 2553 (RSU Research Conference 2010) ภายในงานมีการจัดเสวนาพิเศษ เรื่อง “สังคมธรรมาธิปไตย : บทบาทของมหาวิทยาลัยกับการพัฒนาอย่างบูรณาการที่ใช้พื้นที่เป็นตัวตั้ง” โดยศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส และ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต เข้าร่วมเสวนา มี รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต ดำเนินรายการ
นพ.ประเวศ กล่าวถึงการที่มหาวิทยาลัยรังสิตประกาศตัวเป็น “สังคมธรรมาธิปไตย” ว่า แนวคิดนี้เป็นเรื่องดีมาก เพราะคำดังกล่าว หมายถึง การให้ธรรมะเป็นใหญ่ อาจารย์พุทธทาสอธิบายไว้ว่าธรรมะสามารถแบ่งความหมายได้ดังนี้ 1.ธรรมชาติซึ่งดำเนินอยู่ในปัจจุบัน 2.กฎของธรรมชาติ 3.การปฏิบัติตามกฎของธรรมชาติ 4.การได้ผลดีจากการปฏิบัติธรรมะ ดังนั้นคำว่าธรรมะจึงมีความหมายรวมกันว่า ความถูกต้องที่เกิดจากการปฏิบัติตัวถูกต้อง และเป็นสิ่งดีมีความยั่งยืนที่สุด มีความปกติ มีความสุข
“สิ่งที่เรียกว่าประชาธิปไตยในหลายประเทศไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริง แม้แต่สหรัฐอเมริกาก็มีปัญหาในเรื่องนี้ จากข้อมูลพบว่าหลายสถาบันที่สำคัญของโลกไม่สามารถเชื่อถือได้เหมือนเช่นในอดีต เป็นผลให้เกิดวิกฤติในสังคม เช่น สภาคองเกรส ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท สื่อมวลชน ธนาคารและอีกหลายสถาบัน ซึ่งส่วนใหญ่พบว่ามีการทำงานโดยไม่สุจริต ตัวอย่างดังกล่าวทำให้เห็นว่าระบอบประชาธิปไตยสามารถสร้างวิกฤติขึ้นได้หากนำมาใช้ตามกลไกหรือรูปแบบโดยตรง ดังนั้น ธรรมาธิปไตยจึงหมายถึง การใช้ธรรมะเป็นใหญ่เหนือประชาธิปไตย”
ราษฏรอาวุโส กล่าวอีกว่า สังคมธรรมาธิปไตยเป็นสังคมที่ยิ่งใหญ่กว่าสังคมประชาธิปไตยที่กำลังจะล่มสลาย เนื่องจากระบอบประชาธิปไตยที่ใช้กันเมื่อ 500 ปีที่แล้ว มีการกำหนดความรู้เป็นที่ตั้ง ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวไม่มีอำนาจพอที่จะต่อสู้กับกิเลสของคนในยุคปัจจุบันได้ ในความเป็นจริงระบบที่ดีควรใช้ปัญญานำความรู้ก่อนเสมอ ทั้งนี้ พบว่าปัญญาและความรู้มีแตกต่างกัน หากอ่านพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนกจะพบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเลือกใช้คำว่า “มหาวิชชาลัย” มีความหมายว่า ที่อยู่ของปัญญา แทนการใช้คำว่า มหาวิทยาลัย แปลว่าที่อยู่ของความรู้อันยิ่งใหญ่ นอกจากนี้ยังทรงซ่อนเร้นถึงแนวความคิดที่สำคัญไว้ในเนื้อหาบางช่วง เช่น คนทั้งหลายล้วนตกอยู่ในโมหะภูมิ ทั้งมหาอุปราชย์จนถึงคนเลี้ยงม้า ซึ่งรวมถึงอำมาตย์ด้วย คำว่า โมหะภูมินั้น หมายถึง ความโง่ ความหลง ไม่รู้ว่าสิ่งใดถูกหรือผิด นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่า คนกลุ่มดังกล่าวได้สร้างเมืองอวิชชาขึ้น ซึ่งแนวคิดดังกล่าวทำให้เห็นว่าการศึกษาในขณะนี้ ต้องมุ่งไปสู่การสร้างปัญญาเพื่อเอาชนะกิเลสและเป็นเส้นทางก่อให้เกิดสังคมธรรมาธิปไตย
“ถ้ามหาวิทยาลัยทุกแห่งของประเทศไทยมุ่งสร้างสังคมธรรมาธิปไตยเหมือน จะเป็นเรื่องดีเพราะเป็นการสร้างปัญญาให้สังคมมีความเป็นธรรมและเป็นการสร้างขุมพลังได้อย่างมหาศาล ซึ่งดีกว่าการมุ่งสอนเพียงแค่เรื่องวิชาการ” นพ.ประเวศ กล่าว และว่า มหาวิทยาลัยและระบบการศึกษาของประเทศไทยไม่ควรอยู่นอกสังคม ไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่ควรอยู่ในสังคมเพื่อร่วมแก้ปัญหาและทำให้สังคมเกิดเปลี่ยนแปลง ในขณะที่บ้านเมืองกำลังตกอยู่ในวิกฤติเช่นนี้มหาวิทยาลัยควรเป็นพลังในการแก้ไขปัญหาสังคม
นพ.ประเวศ กล่าวว่า ความเป็นธรรมในสังคมถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก หากขาดความเป็นธรรมก็จะทำให้สังคมเกิดความทุกข์ เกิดความขัดแย้ง ไม่รักชาติ ไม่รักส่วนรวม หากพิจารณาพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่กล่าวว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” จะเห็นชัดเจนว่า ประโยชน์สุขของมหาชนจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อมีความถูกต้องเกิดขึ้นในแผ่นดิน
“ในอดีตคนไทยส่วนใหญ่มีแนวคิดที่จะอยู่ร่วมกันอย่างเป็นความสุข แต่ในปัจจุบันความคิดดังกล่าวได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปโดยคนส่วนใหญ่ที่มุ่งเน้นหากำไร ยึดเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง กรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงประท้วงเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม รัฐบาลควรพิจารณาข้อเรียกร้องดังกล่าวว่ามีข้อเท็จจริงที่ควรแก้ไขหรือไม่ เพราะขณะนี้สังคมขาดความเป็นธรรมทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม กฎหมาย และการเมืองการปกครอง ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นมาตั้งแต่ในอดีต”
ส่วนการที่คนเสื้อแดงยื่นคำขาดว่าหากมีการยุบสภาก็จะเลิกพูดถึงปัญหาดังกล่าวนั้น ราษฎรอาวุโส กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่เสียโอกาสในการที่จะทำให้ทุกฝ่ายหันมาสนใจปัญหาความเป็นธรรม ตัวอย่างเช่น กรณีประเทศสหรัฐอเมริกามีความขัดแย้งจนเกิดเป็นสงครามกลางเมือง แต่สุดท้ายก็สามารถกลับมารวมเป็นประเทศได้อย่างสงบสุขอีกครั้งนั้น แสดงให้เห็นว่าบางเหตุการณ์จำเป็นต้องรอให้เกิดวิกฤติจนถึงที่สุดก่อนจึงจะเกิดจุดเปลี่ยนทางความคิดเพื่อทำให้สังคมกลับมาสงบสุข ทั้งนี้ หากคนไทยใช้สติและปัญญาในการแก้ปัญหาวิกฤติ ก็จะสามารถสร้างจิตสำนึกเพื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่เกิดการสูญเสีย
“วิกฤตการณ์คลื่นลูกที่ 4 ของกรุงรัตนโกสินทร์น่าจะมีความรุนแรงมากที่สุด โดยคลื่นลูกที่ 1 คือ สงครามกับประเทศพม่าในช่วงการก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ คลื่นลูกที่ 2 คือการที่ประเทศไทยถูกประเทศมหาอำนาจทางตะวันตกคุกคาม คลื่นลูกที่ 3 ความขัดแย้งระหว่างอุดมการณ์ทำให้นักศึกษาต้องหนีเข้าป่าจับอาวุธต่อสู้กับรัฐบาลจนเกิดการเสียชีวิต สำหรับคลื่นลูกที่ 4 คือ วิกฤติการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบันที่สร้างผลกระทบรุนแรงมากที่สุด เนื่องจากเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าศัตรูคือใคร ปัญหาดังกล่าวค่อนข้างรุนแรง แต่เชื่อว่านิสัยของคนไทยมีลักษณะพิเศษคือ มีความสงสารอยู่ตัว จุดนี้น่าจะช่วยให้เหตุการณ์ในปัจจุบันมีความรุนแรงน้อยลงได้” ราษฎรอาวุโส กล่าว
ด้าน ดร.อาทิตย์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยรังสิตเริ่มต้นสร้างสังคมธรรมาธิปไตย เพราะเห็นว่าการศึกษาเป็นสิ่งพื้นฐานที่ดีที่สุดของการสร้างทรัพยากรบุคคล มหาวิทยาลัยไม่ใช่เป็นเพียงที่เรียนหนังสือ หรือที่ประสาทปริญญาเท่านั้น มหาวิทยาลัยต้องเป็นแหล่งที่จะสร้างปัญญา เพื่อนำพาบ้านเมืองไปสู่สังคมธรรมาธิปไตย แต่สังคมปัจจุบันกลับมีแนวคิดที่ทำให้หลายคนเข้าใจไขว้เขวว่าการเลือกตั้ง คือ ประชาธิปไตย ถูกศาลลงโทษว่าผิดเมื่อบอกว่าไม่ยุติธรรม ก็ไม่เป็นประชาธิปไตย ความคิดที่เพี้ยนลากเอาคนในสังคมไทยเข้าใจผิดๆ ยังมีอีกหลายเรื่อง เช่น บอกว่าไพร่ตรงข้ามกับคำว่าอำมาตย์ ทั้งที่จริงๆ แล้ว ในสังคมไทยคำว่าไพร่ตรงข้ามกับคำว่าผู้ดี
อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า สังคมไทยเป็นสังคมที่ลอกเลียนแบบตะวันตก แต่สิ่งที่เราลอกเลียนแบบเป็นแค่เพียงกระพี้ ไม่ใช่แก่นแท้ทั้งหมด รวมถึงเรื่องของการศึกษาเมื่อรับอิทธิพลตะวันตกมา ก็กางตำราเมืองนอกสอนกันอย่างแปลผิดแปลถูก ทิ้งภูมิปัญญาความเป็นไทยไปโดยสิ้นเชิง จึงไม่แปลกเลยที่ประเทศของเราจะเกิดวิกฤติทุกด้าน โลกตะวันออกมีภูมิปัญญาดีๆ มากมาย แต่เรากลับดูถูกภูมิปัญญาไทยและไปเชื่อว่าของฝรั่งดีกว่า เราไม่รู้จักการประยุกต์ใช้ ลอกกันแบบผิดๆ ถูกๆ จนกระทั่งถึงทุกวันนี้
“การเมืองเราก็ไปลอกของตะวันตกมา ก็ได้มาแต่กระพี้ กติกาเขาบอกว่ายุบสภาได้ก็ยุบกับเขาบ้าง เขาบอกว่าเสียงข้างมากได้เป็นรัฐบาลเราก็ตามเขา แต่เราไม่รู้ถึงแก่นแท้ว่า จิตสำนึก จิตวิญญาณของการเลือกตั้ง จิตวิญญาณของประชาธิปไตย จิตวิญญาณของเสียงข้างมาก ข้างน้อย คืออะไร มือที่ยกกันในสภาก็ไม่มีหัวคิด ผมเคยเสนออยากให้ประเทศไทยมีรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่มีคุณธรรม โดยให้ประชาชนผู้ซึ่งตื่นและเบิกบานมาเป็นผู้สนับสนุนการเมือง หากเหตุผลที่แสดงออกมาเหนือกว่าฝ่ายข้างมาก เราก็จะฟ้องประชาชน แต่เมื่อเสนอไปก็ไม่มีใครยอมรับเพราะบอกว่าวันเดียวมันก็พังแล้ว” อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต กล่าว
ดร.อาทิตย์ กล่าวถึงแนวทางของสังคมธรรมาธิปไตยว่า บ้านเมืองของเราต้องกลับมาที่พื้นฐาน ดูว่ากำพืดเราเป็นอย่างไร มีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง ทำตัวเองอย่างไรจึงจะเหมาะสม สำหรับการศึกษาการพัฒนาในลักษณะองค์รวมตามแนวคิดของความเป็นธรรมาธิปไตย ไม่ควรมองแยกส่วนกัน อาทิ มองดูว่าการแพทย์แผนตะวันออกของเราสู้กับแพทย์แผนตะวันตกได้หรือไม่ สามารถนำมาสร้างจุดแข็งได้อย่างไรบ้าง เราต้องหันมาร่วมมือกับท้องถิ่น กับภาคสังคม เพื่อดูภาพขององค์รวม หากการศึกษาแยกส่วนกันคนละเรื่อง บัณฑิตที่จบออกไปจะเข้ากับสังคมไม่ได้ มหาวิทยาลัยต้องเป็นผู้ตอบโจทย์เพื่อหาทางออกให้กับสังคม เพราะสังคมที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ยังไม่ใช่สังคมที่เจริญด้วยอารยะ ใบปริญญาที่ได้ไปเป็นเพียงเฟอร์นิเจอร์ประดับ แต่เป้าหมายหลักของการผลิตบัณฑิตในมหาวิทยาลัยคือ การสร้างคนเพื่อเป็นกำลังที่เข้มแข็ง เป็นปัญญาของสังคม