- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- กทม.ระดมฉีดวัคซีนคุ้มกันเด็ก ปล่อยหลักสูตร “ โตไปไม่โกง”
กทม.ระดมฉีดวัคซีนคุ้มกันเด็ก ปล่อยหลักสูตร “ โตไปไม่โกง”
ผู้ว่าฯ กทม. เปิดหลักสูตรคบเด็กสร้างชาติ โตไปไม่โกง กระตุ้นเด็กสร้างภูมิคุ้มกันตนเอง ให้ห่างไกลทุจริตคอร์รัปชั่น นำร่อง รร.ในสังกัด 228 แห่ง อนุบาล - ป.3 ยันเด็กเรียนแล้วไม่เซ็ง ไม่บังคับให้ท่องจำ เน้นกิจกรรม-สนุกสนาน
เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา กรุงเทพมหานคร ร่วมกับศูนย์สาธารณประโยชน์และประชาสังคม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทย เปิดตัวหลักสูตรคบเด็กสร้างชาติ “โตไปไม่โกง” เพื่อใช้สอนนักเรียนระดับอนุบาล-ป.3 ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร นำร่อง 280 แห่ง ต้นเดือนสิงหาคมนี้ มีนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน , ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ,นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร , รศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) , นายภิญโญ ทองชัย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และ รศ.ดร.จุรี วิจิตรวาทการ ประธานศูนย์สาธารณะประโยชนฯ ร่วมแถลงข่าว ณ ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ระบบการศึกษาประเทศไทย เน้นวิชาการมากกว่าคุณธรรม ระบบการศึกษาที่ดี คือ ระบบการศึกษาที่ให้ความรู้คู่กับคุณธรรม ความรู้อย่างเดียวไม่เพียงพอ และอาจจะก่อให้เกิดอันตราย คนที่รู้มากเป็นคนไม่ดีสามารถทำให้เกิดความเสียหายแก่ส่วนรวมได้มากกว่าคนไม่มีความรู้ และเป็นคนดี ฉะนั้น หากจะสอนให้คนมีความรู้ สิ่งที่ควรปลูกฝังควบคู่ด้วย คือ คุณธรรม
“จากเหตุการณ์ที่เกิดปัญหากับบ้านเมือง ถือเป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญของคุณธรรม กทม.จึงเกิดแนวความคิดในการปรับปรุงหลักสูตร คบเด็กสร้างชาติ “โตไปไม่โกง” ไม่จดลิขสิทธิ์ เป็นหลักสูตรที่สอนคุณธรรม ปลูกฝังคุณธรรม มากกว่าการเรียนรู้เพียงอย่างเดียว โดยวิธีที่ดีที่สุด คือ ปลูกฝังตั้งแต่เด็ก ระดับอนุบาล ประถม เพราะเป็นวัยที่เปรียบเสมือนผ้าขาวสะอาด กระดาษที่ว่างเปล่า หลังจากนั้น ต่อยอดไประดับมัธยม ซึ่งหากสามารถปลูกฝังสิ่งที่ดีแก่เด็ก โอกาสที่จะเติบใหญ่เป็นตัวอย่างที่ดี ก็จะมีมาก “
ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวถึงการปลูกฝังคุณธรรม ว่า ต้องไม่เหมือนส่วนอื่น หรือแค่เพียงการแนะให้อ่านหนังสือ แต่ต้องปลูกฝังสิ่งที่น่าภูมิใจแก่เด็กด้วย เพราะไม่มีอะไรทำให้เด็กเบื่อเท่าการบังคับให้ท่องจำ จนในที่สุดแล้วผลที่เกิดขึ้น คือ เด็กเบื่อเรื่องคุณธรรม การเริ่มต้นหลักสูตรนี้ จึงเป็นก้าวที่สำคัญที่สุดของโรงเรียนในสังกัด กทม. ให้เป็นโรงเรียนกลุ่มแรกปลูกฝังเรื่องคุณธรรมที่เป็นรูปธรรมในชั้นเรียน
ขณะที่นางทยา กล่าวถึงหลักสูตร “โตไปไม่โกง”เป็นจุดเริ่มต้นที่นำเรื่องคุณธรรม จริยธรรม ในโรงเรียน เป็นโครงการระยะยาวที่ไม่ได้ทำเพียง 1 ปี หรือ 1 เทอม แต่มองถึงการต่อยอดไปเรื่อยๆ โดยหวังไปถึงในระดับอุดมศึกษา
“โครงการนี้อาจไม่ใช่ยาปฏิชีวนะที่ไปฉีดแล้วเยียวยารักษาประเทศไปในชั่วข้ามคืน ในระยะเวลาอันสั้น แต่เป็นการปลูกฝัง ให้เป็นวัคซีนภูมิคุ้มกันสำหรับเด็ก หวังว่าประเทศชาติจะดี เป็นบุคคลที่มีคุณภาพมาพัฒนาประเทศของเราต่อไป เพื่อการก้าวต่อไปในปีข้างหน้า”
ด้าน รศ.ดร.สมบัติ กล่าวว่า ปัญหาที่จะทำให้ประเทศไทยทรุดโทรม ก็คือค่านิยมของคนที่เปลี่ยนไป เห็นว่า โกงไม่เป็นไร ขอเพียงแค่เก่ง เป็นแนวคิดใหม่ที่เป็นการจำนนต่อความชั่วร้าย ถือเป็นแนวคิดที่ผิดมากและต้องแก้ไข รวมทั้งเร่งสร้างให้เด็กเห็นดีงาม เชื่อมั่นในความถูกต้อง ไม่โกง
“นับเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่มาจับเรื่องเด็ก และปลูกฝังค่านิยมแก่เด็ก ปลูกฝังในสิ่งที่ดี และให้ทุกสังคมยอมรับ ไม่โกง เป็นความดี หากปลูกฝังอย่างต่อเนื่อง เมื่อเด็กกลับไปบ้านจะรู้ว่าไม่ดี หากพ่อแม่โกง ลูกจะบอกว่า คนโกงน่ารังเกียจ อาจทำให้พ่อแม่เปลี่ยนใจและไม่โกง หากกระบวนนี้ทำต่อเนื่องและยาวนาน จะเป็นคุณูปการอย่างใหญ่หลวง”รศ.ดร.สมบัติ กล่าว และว่า ต่อไปในอนาคต สังคมไทยจะมีประชาชนที่มีคุณภาพ ซึ่งขบวนการปลูกฝังเหล่านี้ จะเป็นเหมือนแสงสว่างในสังคม ประเทศเราจะมีความหวัง มีอนาคต
ส่วน รศ.ดร.จุรี กล่าวถึงการจัดหลักสูตรนี้ว่า ความตั้งใจต้องให้เด็กไม่มีการท่องจำ เดิมการสอนวิชาหน้าที่พลเมือง เด็กจะเบื่อมาก ครั้งนี้ต้องทำให้เด็กสนุก ทำกิจกรรม มีนิทานที่ดี เป็นการรวมพลังปรับปรุง ปฏิรูปสังคม ให้มีอะไรมากไปกว่าการไม่โกง ไม่เอาเปรียบ มีจิตสาธารณะ มองสังคมใหญ่ มากกว่าพ่อแม่ หรือเพื่อน เน้นความสนุกสนาน ตอกย้ำ และเชื่อมโยงกับประเด็นต่างๆ
ขณะที่นายภิญโญ กล่าวถึงผลกระทบจากการทุจริตต่อสังคมว่า ในภาพรวมของประเทศและโลก วิกฤตที่เกิด เป็นผลมาจากการทุจริต วิกฤตนักการเมือง ก็เช่นกัน ศึกษาต้นตอก็มาจากรากฐานของการทุจริต หรือการปฏิวัติทุกครั้ง ข้ออ้างสำคัญ ก็คือ การทุจริต
“ค่านิยมของคนไทย จากผลสำรวจ 75-76 % ยอมรับเรื่องการทุจริต เป็นเรื่องปกติ หากสำรวจใหม่ในปีนี้ ก็มั่นใจว่า เปลี่ยนแปลงไป เป็นอันตรายสำหรับประเทศไทย การมุ่งแก้เรื่องค่านิยม โดยเฉพาะเด็กจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะ หากสร้างค่านิยมกับผู้ใหญ่อย่างเดียวคงไม่ประสบความสำเร็จ”
ช่วงสุดท้าย นายอานันท์ กล่าวให้โอวาท เรื่องการจัดทำหลักสูตรโตไปไม่โกงว่า ไม่ควรลืมกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะบิดา มารดา ผู้ปกครอง ต้องเข้ามามีส่วนร่วม รวมทั้งครู และระบบของโรงเรียน ต้องแน่ใจว่า ท่อน้ำที่ออกมาจากครู เป็นท่อน้ำที่บริสุทธิ์ ไม่มีสิ่งเจือปน เพราะเด็กจะเชื่อครู พ่อแม่ผู้ปกครอง อยากให้มองเรื่องพวกนี้ด้วย
“ตราบให้สอนบ่มนิสัยเท่าไหร่ หากตัวอย่างที่บ้านไม่ดี โครงการนี้ก็ไม่ประสบความสำเร็จ อย่ามองเด็กอย่างเดียว ต้องมองหลายมิติ”