- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- สถาบันพระปกเกล้าจัดค่ายปลุกสำนึกวัยโจ๋ รู้หน้าที่พลเมือง
สถาบันพระปกเกล้าจัดค่ายปลุกสำนึกวัยโจ๋ รู้หน้าที่พลเมือง
“บวรศักดิ์ อุวรรณโณ” เผยคณะกก.โครงการพัฒนาการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมืองสรุปแผนเสร็จแล้ว ส่งไม้ต่อ สกศ.ดำเนินการให้ทันเทอมหน้านี้ ล่าสุดกำลังปรับปรุงหลักสูตรผู้นำการเมืองยุคใหม่ นำคน 2 วัย มาเรียนร่วมกัน
วันนี้ (6 ก.ค.) ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และกรรมการที่ปรึกษาโครงการพัฒนาการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมือง เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการพัฒนาการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมือง ว่า ขณะนี้คณะกรรมการได้มีข้อสรุปเรื่องนี้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วในการจัดทำหลักสูตรที่จะจัดการสอนเรื่องความเป็นประชาธิปไตยและสร้างความเป็นพลเมือง
"คณะกรรมการตกลงกันว่าจะฝึกฝนวิทยากรเพื่อมาสอนเรื่องความเป็นประชาธิปไตยและความเป็นพลเมืองก่อน เริ่มต้นฝึกครูผู้สอน โดยให้สถาบันพระปกเกล้าและวิทยากรครูที่เคยผ่านการอบรมมาแล้วกว่า 300 คนที่เป็นครูต้นแบบ สำหรับรายละเอียดในการดำเนินการจากนี้นั้นต้องติดตามจากรศ.ธงทอง จันทรางศุ เลาขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ในฐานะประธานโครงการฯ ว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ขณะเดียวกันนายชินวรณ์ บุญยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ก็พยายามให้มีการสอนเรื่องนี้ให้ทันในภาคเรียนที่ 2 ของปีการศึกษานี้"
กรณีการจัดการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมืองนี้จะแตกต่างจากวิชาหน้าที่พลเมืองเดิมอย่างไรบ้าง ศ.ดร.บวรศักดิ์ กล่าวว่า โครงการสร้างสำนึกพลเมืองนี้จะไม่มีการบรรยาย จะเน้นการนำครูผู้สอนที่ผ่านการอบรมในด้านนี้ให้ลงไปชวนนักเรียนในทุกพื้นที่ทำกิจกรรม แก้ปัญหาของโรงเรียนและชุมชน ซึ่งเป็นการลงมือปฏิบัติในการทำนโยบายสาธารณะอย่างจริงจัง ไม่ใช่เป็นการปัดฝุ่นวิชาหน้าที่พลเมือง
"กระบวนการเรียนรู้ประชาธิปไตย เป็นการเรียนรู้โดยกระบวนการลงมือปฏิบัติจริง ผู้เรียนและผู้สอนร่วมวิจัยหาปัญหาสาเหตุของโรงเรียนและชุมชนของตน จากนั้นศึกษาสัมภาษณ์หาข้อมูลอย่างรอบด้านแล้วนำมาถกประเด็นกันเพื่อหาทางออกสำหรับเรื่องนั้นๆ โดยห้ามใช้วิธียกมือโหวต ต้องเป็นฉันทามติที่ทุกคนเถียงกันด้วยเหตุผล นำไปสู่ทางเลือกการแก้ปัญหาในรูปแบบต่างๆ หลากหลายวิธี ซึ่งกระบวนการนี้จะดึงทุกคนที่เกี่ยวข้องมาร่วมให้ความเห็นและนำสู่การปฏิบัติ"
ศ.ดร.บวรศักดิ์ กล่าวว่า พอผ่านกระบวนการแล้ว ไม่ต้องสอนเลยว่าประชาธิปไตยคืออะไร เพราะทุกคนจะได้จากการเรียนรู้ ทุกคนจะรู้ว่าการยกมือโหวตเพื่อหาทางออกนั้นไม่ใช่วิธีการที่ดี หากต้องคุยกันด้วยเหตุผล การพูดคนเดียวไม่ได้ หากต้องฟังคนอื่นพูดด้วย และการหาข้อมูลนั้นต้องหาให้รอบด้านถามประชาชน จนขั้นปฏิบัติก็จะลงมือคนเดียวไม่ได้ต้องอาศัยความร่วมจากอบต. อบจ.พระ ชุมชน ฯลฯ ช่วย ทั้งหมดนี้จะอยู่ในโครงการ
เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวอีกว่า สถาบันพระปกเกล้าพร้อมในการช่วยเรื่องหลักสูตรการสอน รวมถึงการอบรมวิทยากรผู้สอน และล่าสุดกำลังปรับปรุงหลักสูตรผู้นำการเมืองยุคใหม่ โดยจะนำเยาวชนที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปมาร่วมศึกษาเรียนรู้ การเมืองในระบอบประชาธิปไตยกับกลุ่มผู้นำการเมืองหรือผู้ใหญ่ที่มีอายุไม่เกิน 40 ปี ให้ได้เรียนรู้เรื่องนี้ร่วมกัน มีรศ.วุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าเป็นผู้ดูแล
เมื่อถามถึงกรณีพื้นที่สีต่างๆ ทั่วประเทศที่มีระดับความเข้มและรุนแรงต่างกันในความขัดแย้งขณะนี้ จะมีวิธีการนำโครงการสอนแบบนี้เข้าไปปลูกฝังเด็กเยาวชน และประชาชนได้อย่างไรนั้น ศ.ดร.บวรศักดิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับกระทรวงศึกษาธิการและทางสกศ.ว่าจะทำอย่างไรต่อไป พร้อมแสดงความเป็นห่วงเรื่องของโรงเรียนแกนนำผู้ปฏิบัติงานนปช.
เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวถึงบทบาทเยาวชนไทยกับสถานการณ์บ้านเมืองว่า สถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันต่างจากยุคเหตุการณ์14 ต.ค.2516 ที่นิสิตนักศึกษามีความขัดแย้งในเชิงอุดมการณ์จึงออกมาแสดงพลังเรียกร้อง ขณะที่วันนี้นิสิตนักศึกษาเงียบมาก ไม่ลุกขึ้นมาใส่ใจบ้านเมือง หากปล่อยให้บ้านเมืองเป็นเช่นนี้ต่อไปจะมีปัญหาหนัก เนื่องจากเยาวชนยุคใหม่จะต้องร่วมรับรู้และแบกภาระชาติไว้อย่างน้อยต่อไปอีก 50 ปี เป็นความหวังของชาติ ฉะนั้นทางสถาบัพระปกเกล้านพยายามจัดโครงการอบรมเยาวชนเพื่อสร้างความเป็นพลเมืองขึ้นมาตลอด
ทั้งนี้ สำนักส่งเสริมการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้า จัดอบรมเยาวชนโครงการ “พลเมืองวัยใสใส่ใจบ้านเมือง” ระหว่างวันที่ 6-7 ก.ค. ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เพื่อสร้างเยาวชนให้เป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยและเพื่อระดมความเห็นจากเยาวชนในการปรับปรุงหลักสูตรการสอน โดยในช่วงเช้าเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า บรรยาย “บทบาทเยาวชนและบทบาทพลเมืองในวิถีประชาธิปไตย” ให้เยาวชนจากทั่วประเทศจำนวน 60 คนรับฟัง
ศ.ดร.บวรศักดิ์ กล่าวถึงปัญหาของสังคมไทยวันนี้ เกิดจากประชาธิปไตยไร้คุณภาพ เกิดสังคมประชาธิปไตยที่ใช้การเลือกตั้งเป็นหลัก ขณะที่การเลือกตั้งก็ขาดคุณภาพทางประชาธิปไตยเนื่องจากประชาชนไม่มีอิสรภาพในการเลือกตั้ง มีปัจจัยเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ เช่น ระบบอุปถัมภ์ต้องพึ่งพิงนักการเมืองจากนโยบายประชานิยมหรือผลประโยชน์ที่จะได้รับจากรัฐ เกิดความสัมพันธ์ในแนวดิ่ง
“สังคมประชาธิปไตยจะมีคุณภาพได้ต้องเกิดจากประชาชนพ้นความเป็นราษฎรสู่ความเป็นพลเมือง ซึ่งพลเมืองจะเป็นกำลังสำคัญของบ้านเมือง ทุกคนต้องเห็นกิจการบ้านเมืองเป็นเรื่องของตัวเองร่วมแรงร่วมใจกัน ไม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่งกำหนดทิศทางบ้านเมือง พลเมืองทุกคนต้องร่วมกันเริ่มตั้งแต่ในครอบครัว ชุมชนสู่ชาติ เหล่านี้ล้วนเป็นต้นธารแห่งการเกิดธรรมาภิบาลทั้งหมด”
ศ.ดร.บวรศักดิ์ กล่าวด้วยว่า เยาวชนต้องมีการฝึกฝนพัฒนาตนไปสู่ความเป็นพลเมือง ยกตนให้พ้นจากสภาพราษฎรในปกครอง ทำตนให้มีส่วนร่วมต่อกิจการประโยชน์ส่วนรวมในสังคมและชาติ โดยเริ่มจากบทบาทในครอบครัว โรงเรียน ชุมชนท้องถิ่นสู่ระดับชาติ ในวิถีของประชาธิปไตย ทุกคนไม่ได้เท่าเทียมกันแค่ในทางกฎหมาย แต่รวมถึงความเสมอภาคในโอกาสสิทธิต่างๆ ด้วย ต้องเคารพในสิทธิเสรีภาพของกันและกันควบคู่กับหลักหน้าที่และความรับผิดชอบ เมื่อสังคมมีความแตกต่างก็ต้องหาวิธีการแห่งสันติวิถีในการถกเถียงด้วยเหตุผล หาทางออกร่วมกัน จึงจะเป็นวิถีแห่งประชาธิปไตย