- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ศูนย์รวมอำนาจต้องเปลี่ยน "ไพบูลย์" หนุนกรุงเทพฯ ลุกขึ้นจัดการตนเอง
ศูนย์รวมอำนาจต้องเปลี่ยน "ไพบูลย์" หนุนกรุงเทพฯ ลุกขึ้นจัดการตนเอง
กก.คสป. เชื่อกระจายอำนาจสู่ชุมชน ต้องรวมกรุงเทพฯ ด้วย เพราะเป็นศูนย์รวมที่ซ้ำซ้อน - ทับซ้อน ชี้ปฎิรูปที่ผ่านมาคว้าน้ำเหลว ต้นเหตุมีตัวชี้วัดรายเยอะเกิน ย้ำชัดระดับปชช.ควรตั้งเป้าหมายให้น้อย
วันที่ 15 มีนาคม เครือข่ายองค์กรชุมชนเพื่อการปฏิรูป จัดสมัชชาเครือข่ายองค์กรชุมชนเพื่อการปฏิรูป ครั้งที่ 1/2554 “เชื่อมั่นประชาชนชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเอง” ณ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) โดยมี นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม กรรมการสมัชชาปฏิรูป และประธานกรรมการเครือข่ายองค์กรชุมชนเพื่อการปฏิรูป กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “การปฏิรูปประเทศไทยจะไม่สำเร็จด้วยดี ถ้า…”
นายไพบูลย์ กล่าวว่า การปฏิรูปประเทศไทยที่สังคมพูดกันถึงอยู่นั้นจะต้องอาศัยหลักการ 8 ข้อ คือ1.ต้องเริ่มต้นจากประชาชน โดยผลักดันจากฐานรากเพื่อสร้างบทบาทสำคัญ และเป็นแกนหลักในการปฏิรูป 2.ภาคประชาสังคม วิชาการ ธุรกิจ และภาครัฐ ต้องรวมพลังกันอย่างสร้างสรรค์ ขณะเดียวกันต้องเร่งติดตามประเมินผล พร้อมปรับปรุงพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่อง
“3.ต้องตั้งเป้าหมายสำคัญในการปฏิรูปร่วมกัน คือ ความดี ความสามารถ และความสุข ดังแนวคิดสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขาของ ศ.นพ.ประเวศ วะสี ประธานคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป โดยภาคประชาชนผู้มากด้วยความดี ต้องทำงานร่วมกันกับภาคราชการที่เปี่ยมด้วยความสามารถ โดยอาศัยภาคธุรกิจส่งเสริมให้เกิดความสุข โดยทั้ง 3 ฝ่ายต้องมีขอบเขตบทบาทที่เท่าเทียม ไม่มีอำนาจเหลื่อมล้ำมากไปปกว่ากัน”
นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า 4.สร้างสังคมการใช้ข้อมูลอย่างมีความรู้ วิจารณญาณในการดำเนินการ และขยายแนวคิดการปฏิรูปไปสู่สังคมวงกว้าง 5.ขยายการสื่อสารในหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้เกิดการรับรู้ในหมู่สังคมโดยรวมจนสามารถทำให้ประชาชนเข้ามามีบทบาทในการปฏิรูปอย่างเต็มใจ 6.ในระดับพื้นที่ต้องร่วมคิดร่วมทำอย่างเป็นเครือข่าย ด้วยความมุ่งมั่นพากเพียร 7.บริหารจัดการอย่างมีคุณภาพ และศิลปะในทุกพื้นที่ โดยอาศัยภาคธุรกิจเข้าร่วมซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความสามารถด้านนี้เป็นอย่างดี ในขณะที่ภาคประชาชน และรัฐ ต้องจัดสรรการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
“8.อาศัยการสนับสนุนร่วมมือในเชิงนโยบาย และงบประมาณจากส่วนกลาง นอกจากส่วนที่ประชาชนสามารถทำเองได้นั้น ต้องเสนอให้ผู้มีอำนาจบริหารไปดำเนินการขยายผลต่อไป ทั้งนี้ข้อเสนอแนะทั้งหมดต้องทำให้เกิดเป็นรูปธรรมในระยะแรก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่หน่วยงานรัฐที่จะเข้ามาช่วยเหลือ”
นายไพบูลย์ กล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยมีโครงการที่จะปฏิรูปเปลี่ยนแปลงมาหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้ไม่ประสบความสำเร็จคือ ในแต่ละโครงการมีตัวชี้วัดในหลายระดับมากเกินไป ซึ่งไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างหน่วยงานราชการ หรือสถาบันการศึกษาที่กำหนดตัวชี้วัดไว้กว่า 100 ข้อ ทำให้ไม่สามารถขับเคลื่อนได้ครบทุกประเด็น หรือทำได้ทั้งหมดแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นในระดับประชาชนควรจะตั้งเป้าหมายให้น้อยลง เช่น สร้างสุขภาพดี อยากมีรายได้เพิ่ม ในระดับแรก จากนั้นค่อยขยายผลเมื่อปฏิบัติตามตัวชี้วัดขั้นต้นสำเร็จ
“การปฏิรูปต้องเริ่มจากตนเอง สร้างจิตสำนึกที่ดีในตัว จากนั้นจึงขยายไปสู่ครอบครัว สู่องค์กร สู่ท้องถิ่น และจนถึงพื้นที่ขนาดใหญ่ในระดับชาติ ขณะเดียวกันต้องดึงหน่วยงาน องค์กรในระดับต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะต้องยอมรับว่าแต่ละภาคส่วนนั้นมีความสามารถด้านศักยภาพในการทำงานที่แตกต่างกัน”
ทั้งนี้ นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า ในขณะที่สังคมเรียกร้องให้กระจายอำนาจลงสู่ชุมชนนั้น ศูนย์รวมอย่างกรุงเทพมหานครก็ต้องเปลี่ยนแปลงตนเองเช่นกัน เนื่องจากเป็นจังหวดที่มีความซ้ำซ้อน และทับซ้อนในอำนาจหน้าที่มากมาย ดังนั้นกรุงเทพฯต้องลุกขึ้นมาจัดการตนเอง เช่น ปัญหาการจราจร ที่จะรอแต่ให้ส่วนกลางแก้ไขอย่างเดียวไม่ได้ แต่ประชาชนในพื้นที่ต้องลุกขึ้นมาช่วยกันขับเคลื่อนเช่นกัน