- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- 2 ประเด็นเร่งด่วน แก้รธน. อภิสิทธิ์ย้ำชัดต้องดำเนินการก่อน
2 ประเด็นเร่งด่วน แก้รธน. อภิสิทธิ์ย้ำชัดต้องดำเนินการก่อน
นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดสายรับโทรศัพท์ "3 วัน สร้างสรรค์ความเข้มแข็งประชาธิปไตย" 9 - 11 พ.ย. นี้ ระดมความคิดเห็นจากภาคประชาชนเพื่อการมีส่วนร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็น
วันที่ 10 พฤศจิกายน ณ ตึกสันติไมตรีหลังนอก ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดสายรับโทรศัพท์ "3 วัน สร้างสรรค์ความเข้มแข็งประชาธิปไตย" 9 - 11 พฤศจิกายน 2553 ระดมความคิดเห็นจากภาคประชาชนเพื่อการมีส่วนร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ จัดโดยคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามข้อเสนอของคณะสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ศาสตราจารย์สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามข้อเสนอของคณะสมานฉันท์ เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวรายงานโดยสรุปว่า จากกระแสเรียกร้องให้มีการปรับปรุงเนื้อหาของรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มต่าง ๆ ในสังคม เป็นสาเหตุให้รัฐสภาได้จัดตั้งคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามข้อเสนอของคณะสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่ในการศึกษา ค้นคว้า รวบรวมความคิดเห็นประเด็นการปฏิรูปทางการเมืองและประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็นคือ
“ประเด็นที่ 1 การทำหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา (มาตรา 190) ประเด็นที่ 2 ระบบการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (มาตรา 93-98) ประเด็นที่ 3 ที่มาของสมาชิกวุฒิสภา (มาตรา 111-121) ประเด็นที่ 4 การห้ามดำรงตำแหน่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา (มาตรา 265) ประเด็นที่ 5 การห้ามสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาแทรกแซงการทำงานของฝ่ายบริหาร (มาตรา 266) ประเด็นที่ 6 การยุบพรรคการเมืองและการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมือง (มาตรา 237)"
ศ.สมบัติ กล่าวว่า คณะกรรมการพิจารณาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการการมีส่วนร่วมกับประชาชนในการสร้างความเข้มแข็งของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และสถาบันส่งเสริมการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี สำนักงาน ก.พ.ร. ดำเนินการจัดงาน "3 วัน สร้างสรรค์ความเข้มแข็งประชาธิปไตย" ระหว่างวันที่ 9 - 11 พฤศจิกายน 2553 เพื่อเปิดรับสายโทรศัพท์จากประชาชนในการร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านหมายเลข 0 2282 3333 (50 คู่สายอัตโนมัติ) ตั้งแต่เวลา 10.00 - 18.00 น. เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจกำหนดแนวทางการสร้างความเข้มแข็งของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามที่คณะกรรมการพิจารณาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ ได้นำเสนอประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 จำนวน 6 ประเด็น
จากนั้นนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงประเด็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องรัฐธรรมนูญว่า เป็นประเด็นความขัดแย้งประการหนึ่งของการเมืองในระยะที่ผ่านมา ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาลุกลามถึงขั้นวิกฤตทางการเมือง และเหตุการณ์ความรุนแรงในช่วง 2 ปีมานี้ ซึ่งเรื่องความคิดเห็นที่แตกต่างที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ หรือเกี่ยวข้องกับการเมืองต้องถือเป็นเรื่องปกติ แต่ความคิดเห็นที่แตกต่างไม่ควรนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งที่ลุกลามถึงขั้นที่มีความรุนแรงและความสูญเสียที่เกิดขึ้นในสังคม ฉะนั้นประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความคิดเห็นที่หลากหลาย เป็นเรื่องที่จำเป็นที่จะต้องหาข้อยุติ เพื่อที่จะทำให้ระบบการเมืองเดินหน้าต่อไปภายใต้ภาวะที่มีความเป็นปกติ และไม่เป็นปมปัญหาของความขัดแย้งต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า เมื่อปีที่แล้วรัฐสภาได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่ง ในความพยายามที่จะหยิบยกเอาประเด็นที่เป็นปมของความขัดแย้ง หรือประเด็นที่สมาชิกรัฐสภาเห็นว่า สมควรที่จะได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม ที่มีข้อสรุปในการดำเนินการปรับปรุงหรือการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในเบื้องต้น 6 ประเด็น อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่า 6 ประเด็นที่ได้มีการดำเนินการนั้นดูจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์ของนักการเมือง ก็ทำให้แม้จะมีผลสรุปจากคณะกรรมการออกมา การดำเนินการผลักดันการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญก็ยังมีประเด็นการคัดค้านอยู่มากพอสมควร หลังเหตุการณ์วิกฤตทางการเมืองในปีนี้ ตนจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อที่จะมาทบทวน 6 ประเด็นดังกล่าวเป็นเบื้องต้น เพื่อที่จะเปิดโอกาสให้มีกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น พร้อม ๆ กับเปิดโอกาสให้คณะกรรมการชุดนี้ได้พิจารณาถึงประเด็นที่จะดำเนินการต่อไปในอนาคตเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของเรา
“ข้อสรุปของคณะกรรมการเป็นข้อสรุปที่ผ่านการกลั่นกรองจากผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญ และได้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในหลายรูปแบบ ทั้ง การสำรวจโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ การจัดเวทีระดมความคิดเห็นของประชาชน การจัดทำกระบวนการกลุ่มเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน รวมถึงการรับฟังตามช่องทางอื่น ๆ ซึ่งในทุกรูปแบบของการแสดงความคิดเห็นถือว่ามีประโยชน์และมีความสำคัญ”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการรับฟังความคิดเห็นคงไม่ได้หมายความว่าทุกความเห็นนั้นจะสามารถมาเป็นข้อสรุป ข้อยุติ ตามความต้องการของทุกคนที่แสดงความคิดเห็น ความสำคัญของการดำเนินการในเรื่องนี้จะอยู่ที่ทางคณะอนุกรรมการและคณะกรรมการที่จะได้สังเคราะห์ความคิดเห็นที่มีความหลากหลาย ให้ดีที่สุด ที่มีความมั่นใจได้ว่าเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนส่วนใหญ่ ในส่วนของคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาข้อเสนอ 6 ประเด็นที่ได้เป็นข้อสรุปเบื้องต้นแล้วและเห็นว่า โดยที่จะมีการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาและจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในปีหน้า ขณะเดียวกันยังคงมีประเด็นทางการเมืองที่วิพากษ์วิจารณ์ในกรณีที่มีการไปแก้ไขเพิ่มเติมประเด็นที่อาจจะเกี่ยวข้องกับประโยชน์ของรัฐบาลหรือพรรคการเมืองโดยตรง จึงเห็นว่าประเด็นเร่งด่วน 2 ประเด็นคือมาตรา 190 กับระบบการเลือกตั้ง น่าจะได้มีการดำเนินการก่อน ซึ่งคาดว่าในวันที่ 16 พฤศจิกายนนี้ คณะรัฐมนตรีคงสามารถให้ความเห็นชอบร่างฯ และจะได้นำเสนอต่อรัฐสภาต่อไป
ทั้งนี้ ประชาชนยังสามารถร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านช่องทางต่าง ๆ อาทิ จดหมายหรือไปรษณียบัตร ส่งมาที่ ตู้ ปณ. 1 ปณฝ. ทำเนียบรัฐบาล เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10302 หรือดาวน์โหลดแบบฟอร์มจากเว็บไซต์ www.thaipolreform.go.th และ www.dloc.opm.go.th หรือแสดงความคิดเห็นได้โดยเสรี ส่งมาที่อีเมล์ [email protected] โดยผู้ที่สนใจสามารถศึกษาสาระและเหตุผลที่มีการแก้ไขโดยละเอียดได้จากทั้งสองเว็บไซต์ดังกล่าว