- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- อนุฯที่ดิน ขึ้นเหนือสำรวจพื้นที่ทำกินขัดแย้ง เตรียมศึกษา "ปกาเกอญอ" นำร่องชุมชนตัวอย่าง
อนุฯที่ดิน ขึ้นเหนือสำรวจพื้นที่ทำกินขัดแย้ง เตรียมศึกษา "ปกาเกอญอ" นำร่องชุมชนตัวอย่าง
ม.ร.ว.อคิน นำคณะ ลงพื้นที่ “เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย” ค้นข้อเท็จจริง-หาแนวทางช่วยผู้ต้องโทษ กว่า 1,000 คดี จากกรณีบุกรุกที่ทำกินของตนเอง "บัณฑร" ชี้ไม่เร่งแก้ เจ้าของพื้นที่คงตายก่อน กว่าจะได้กรรมสิทธิ์ที่ดินคืน ด้านแม่สมปอง ยันปล่อยไป ความเหลื่อมล้ำทวีความแรงขึ้นเรื่อยๆ เผย คปร. เห็นพ้องศึกษา "ปกาเกอญอ" นำร่องชุมชนตัวอย่าง
เมื่อเร็วๆนี้ คณะอนุกรรมการปฏิรูป ระบบการจัดการที่ดิน ฐานทรัพยากร สิ่งแวดล้อมและน้ำ ในคณะกรรมการปฏิรูป (คปร.) นำโดย ม.ร.ว.อคิน รพีพัฒน์ ประธานอนุกรรมการฯ และคณะ เดินทางลงพื้นที่ภาคเหนือตอนบน (จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และเชียงราย) เป็นระยะเวลา 3 วันเพื่อค้นหาข้อเท็จจริง และหาแนวทางการช่วยเหลือผู้ต้องโทษความผิดตามกฎหมายอาญากว่า 1,000 คดี จากกรณีบุกรุกที่ทำกินของตนเอง
นายบัณฑร อ่อนดำ กรรมการปฏิรูป กล่าวภายหลังการลงพื้นที่ภาคเหนือตอนบนว่า ได้พบชุมชนทั่วประเทศกำลังประสบปัญหาคล้ายกัน ซึ่งผลสรุปสุดท้ายของชาวบ้าน มีข้อเสนอเร่งด่วนที่สุด คือ การร้องขอให้ชะลอการจับกุม ไล่รื้อที่ดิน และระงับกระบวนการยุติธรรมไว้จนกว่า ข้อเท็จจริงจะถูกเปิดเผย ดังนั้นทางคณะอนุกรรมการฯ จึงมีแผนการแก้ไขปัญหาเรื่องด่วน คือ การช่วยเหลือผู้ที่ถูกจำคุกก่อน เพราะคนเหล่านี้เป็นคนยากจน และมีพื้นที่ทำกินอยู่แค่แห่งเดียว เมื่อถูกยึดพื้นที่ทำมาหากินไป ก็จะหมดหนทางในการดำรงชีวิต
“หากเราไม่แก้ไขเรื่องเร่งด่วนให้สำเร็จ ชาวบ้านเจ้าของพื้นที่คงต้องตายกันเสียก่อน กว่าจะได้กรรมสิทธิ์ที่ดินคืน”นายบัณฑร กล่าว และว่า ส่วนการแก้ไขปัญหาขั้นต่อไป คือ การเสนอเรื่องให้ชะลอโครงการทุกโครงการ ที่ คปร.ได้ลงไปสำรวจ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงให้กระจ่าง และหาทางออกของปัญหาให้เสร็จสิ้น
ขณะที่ นางสมปอง เวียงจันทร์ กรรมการปฏิรูป กล่าวว่า การลงพื้นที่ของทางคณะอนุกรรมการฯ ทั้งการเดินทางไปเยี่ยมพี่น้องที่ถูกดำเนินคดี และถูกจำคุก 19 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ถูกจับในคดีบุกรุกที่ เราได้เห็นปัญหาความทุกข์ยาก ได้พบปัญหา และนั่งฟังพี่น้องพูดถึงความเดือดร้อนจากการถูกจับ ฟังข้อเสนอ ดูแผนที่ ดูหลักฐานจากชาวบ้านว่า มีปัญหาอะไรบ้างที่ทำให้ชาวบ้านเข้าไปทำกินในที่ดินของตนเอง และกลายเป็นผู้บุกรุกที่ดินขึ้นมา
“ ปัญหาแบบนี้ มีเป็นล้านๆ ครอบครัว เราน่าคุยกับสังคมว่า กลุ่มคนเหล่านี้เป็นคนชั่วร้ายหรือไม่ เขาก็เป็นคนไทย เขาทำงานเพื่อมวลชน ชาวบ้าน ประเทศชาติ ไม่อย่างนั้นคนไทยอยู่ร่วมกันไม่ได้ หากไม่ให้เกียรติ ไม่ให้สิทธิซึ่งกันและกัน ตามที่ดูแลปัญหาที่โดนอ้างว่าบุกรุกก็ยังไม่ชัดเจนหลายเรื่อง ควรมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหล่านี้ เพื่อให้พี่น้องหลุดคดี”
ส่วนชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอญอ นางสมปอง กล่าวว่า คณะกรรมการปฏิรูปมองว่าจะให้แนวทางโครงการนำร่องในอนาคต ให้ชาวบ้านอยู่แบบนี้ เพราะเราไปดูสภาพป่าแล้วไม่ใช่ปกาเกอญอ จะบุกรุก เขาทำมาหากินอยู่กับป่า เอาป่าเป็นฐานอาชีพ ไม่ได้ทำลายป่า ดูแลรักษาอย่างดี มีการจัดเป็นกลุ่มออมทรัพย์ ก็น่าจะให้เป็นโครงการนำร่องในการออกกฎระเบียบต่างๆ ที่จะให้ชุมชนอยู่กับป่าได้
“คนที่อยู่กับป่าไม่ใช่จะมีแต่ถาง เผาป่าตามที่รัฐบาลกล่าวอ้างเสมอไป แต่เขามีการทำไร่หมุนเวียน เราสามารถนำปกาเกอญอ ไปเป็นต้นแบบได้”
นางสมปอง กล่าวว่าพื้นที่ภาคเหนือตอนบนจะมีความชัดเจนว่าคู่กรณีจะเป็นกรมป่าไม้ และส่วนใหญ่เป็นนายทุน ดังนั้น เรื่องเร่งด่วน ขณะนี้ คือให้ยุติการดำเนินคดี จับคุม ส่วนในชั้นศาลก็ให้ชะลอ พักโทษ และให้ตรวจสอบหลักฐาน เอกสารสิทธิ์ที่ออกไปก่อน รวมทั้งตรวจสอบคนในชุมชน ให้มีการจัดการป่าระยะยาวด้วย และเสนอให้ออกโฉนดชุมชนให้ชาวบ้าน
“ ถ้าเป็นคนไทยอยู่ร่วมประเทศเดียวกัน น่าจะมีการจัดแบ่งที่ดินทำกินสำหรับเกษตรกร ผู้ผลิต เราไม่น่าจะปล่อยให้เกิดความเหลื่อมล้ำขนาดนี้ เพราะว่าถ้ามีความเหลื่อมล้ำไปเรื่อยๆ ประชาชนก็จะเกิดความกดดัน สุดท้ายประชาชนก็อาจจะเป็นศัตรูกับรัฐได้”
สำหรับโครงการลงพื้นที่เพื่อรับฟังความเห็น ครั้งที่ 2 ของคณะอนุกรรมการฯ พื้นที่ภาคเหนือตอนบนนั้น วันแรกได้เดินเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังคดีบุกรุกที่ดินในเรือนจำจังหวัดลำพูนกว่า 100 ชีวิต พร้อมลงพื้นที่รับฟังปัญหาชาวบ้านที่เดือดร้อน เพื่อค้นหาข้อเท็จจริง และแนวทางการช่วยเหลือผู้ต้องโทษความผิดตามกฎหมายอาญากว่า 1,000 คดี จากกรณีบุกรุกที่ทำกินของตนเอง หลังนายทุนออกโฉนดครอบครองป่าโครงการรัฐฯ เช่น ที่บ้านแพะใต้ ในประเด็นปัญหา การออกเอกสารทับที่ชุมชนและถูกนายทุนฟ้องร้องดำเนินคดีจำนวน 10 ราย บ้านท่าหลุก หมู่บ้านที่ประชาชนถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุก จำนวน 21 ราย และเทศบาลตำบลศรีเตี้ย อ.บ้านโฮ่ง
จากนั้นวันที่สอง คณะอนุกรรมการฯ ได้เดินทางไปเยี่ยมชุมชนบ้านหินลาดใน อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ซึ่งเป็นชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอญอ ที่มีการดูแลรักษาป่าโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมถึงระบบการจัดการที่ดินและทรัพยากร และเป็นชุมชนที่ได้เคยได้รับรางวัลลูกโลกสีเขียว ประเภทชุมชน นอกจากนี้ชุมชนนี้ยังเป็นชุมชนเป้าหมายที่จะดำเนินการนำร่องโฉนดชุมชนตามระเบียบสำนักนายกว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. 2553