- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ‘อมาตยา เซน’ แนะรัฐอุดช่องว่างทางสังคม ให้คนกลุ่มน้อยได้รับสิทธิเท่าเทียมกัน
‘อมาตยา เซน’ แนะรัฐอุดช่องว่างทางสังคม ให้คนกลุ่มน้อยได้รับสิทธิเท่าเทียมกัน
นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบล ยันช่องว่างและความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยไม่ใช่เรื่องแปลก เกิดขึ้นทุกที่ในโลก แนะใช้กระบวนการสานเสวนาผ่าทางตัน พร้อมวอนสังคมต้องให้โอกาสแก่ผู้พิการ - คนกลุ่มน้อยของประเทศ
วันที่ 17 ธันวาคม ศ.ดร.อมาตยา เซน อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) และผู้ได้รับรางวัลโนเบล สาขาเศรษฐศาสตร์ พ.ศ.2541 ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ ‘การลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมในสังคม’ ในเวทีประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 3 ประจำปี พ.ศ.2553 ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพฯ
ศ.ดร.อมาตยา เซน กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้า แต่กลับพบว่ามีปัญหาเรื่องช่องว่างทางสังคมอย่างมากจนกระทั่งสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชน อีกทั้งมีการนำความไม่พอใจไปใช้เป็นประโยชน์ทางการเมือง และนำไปสู่การเอารัฐเอาเปรียบทางการเมือง
“ปัญหาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดหรือโดดเด่นกว่าประเทศอื่น ความไม่พอใจมีอยู่ทั่วไปทุกมุมโลก และหลายประเทศก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาช่องว่างทางสังคมที่ดีที่สุดคือ การใช้กระบวนการสานเสวนา โดยเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จากหลากหลายอาชีพ หลายชนชั้นเข้ามามีส่วนร่วม พูดคุยกัน ด้วยกระบวนการสานเสวนา ซึ่งจำเป็นจะต้องทำให้เกิดขึ้นจริง เพื่อให้สามารถบรรลุถึงความยุติธรรม”
ศ.ดร.อมาตยา เซน กล่าวถึงช่องว่างทางสังคม ประกอบด้วย 4 ด้าน คือ 1.ช่องว่างเชิงภูมิภาค เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากความได้เปรียบเสียเปรียบของพื้นที่ในแต่ละภูมิภาค ความแตกต่างระหว่างเมืองกับชนบท จนนำไปสู่ความไม่พอใจทางสังคม แต่ปัญหาดังกล่าวก็เกิดขึ้นในหลายภูมิภาคทั่วโลก 2.ช่องว่างเชิงชนชั้่น ความแตกต่างระหว่างคนจนกับคนรวย เป็นสาเหตุสำคัญของความเหลื่อมล้ำ ความไม่เท่าเทียม ทั้งเรื่องฐานะทางเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต การเข้าถึงการรักษาพยาบาล ในที่สุดก่อให้เกิดความไม่ลงรอยในสังคม
“3.เพศวิถี ความแตกต่างระหว่างชายกับหญิง ในประเทศไทยจัดว่าเกิดปัญหาไม่มากนัก หากเทียบกับชาติอื่นในภูมิภาค ซึ่งถ้าได้รับการแก้ไขก็จะเป็นการเปิดโอกาสทางสังคมและเศรษฐกิจ 4.เสียงทางการเมืองขาดความสมดุล พรรคการเมืองจะต้องเข้ามามีบทบาทอย่างชัดเจนในการถ่วงดุลและตรวจสอบทางการเมือง เพราะหากการเมืองไร้เสถียรภาพ จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อประเทศชาติโดยตรง นอกจากนี้ยังมีปัญหาช่องว่างอื่นๆ อีกหลายประเด็น เช่น เรื่องเกี่ยวกับศาสนาและชุมชน”
ศ.ดร.อมาตยา เซน กล่าวถึงเรื่องศาสนาว่า การแบ่งแยกทางศาสนานำไปสู่การแบ่งแยกของชุมชน และการแบ่งแยกของคนในชุมชน ก่อให้เกิดความไม่เท่าเทียม โดยเฉพาะคนกลุ่มน้อย ดังนั้น จึงเป็นเรื่องท้าทายอย่างมากที่จะทำให้คนกลุ่มน้อยได้รับสิทธิที่เท่าเทียมกัน ขณะที่คนกลุ่มใหญ่จะต้องเข้าใจและมีส่วนร่วมในการยุติปัญหาด้วย เพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลามต่อไป
ขณะที่ช่องว่างเรื่องการแบ่งแยกระหว่างผู้พิการกับคนปกตินั้น ศ.ดร.อมาตยา เซน กล่าวว่า คนพิการทั่วโลกมีประมาณ 6 ล้านคนจากประชากรทั้งหมด 6,000 ล้านคน ประสบปัญหาด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิต เนื่องจากข้อจำกัดในเรื่องการหารายได้ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องเข้ามาดูแลคนพิการ ไม่ใช่เป็นการช่วยเหลือแต่เป็นสิ่งที่สังคมต้องให้แก่ผู้ด้อยโอกาส
“ศาสนา ชนชั้นทางสังคม เพศ ชุมชน และคนพิการ เป็นตัวอย่างของปัญหาที่ควรนำมาใส่ใจ แต่ปัญหาเกี่ยวกับช่องว่างทางสังคมยังมีอีกมาก สิ่งที่สำคัญจึงอยู่ที่ว่า เราต้องร่วมกันคิด ร่วมทำ เพื่อช่วยกันแก้ปัญหา โดยเริ่มจากคิดว่า เราจะสามารถทำอะไรได้บ้าง และอะไรบ้างที่เป็นความไม่เสมอภาค” นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล กล่าว และว่า ช่องว่างธรรมดาสามัญที่เกิดขึ้นนี้ ควรจะต้องมีการแก้ไขให้จบลงตามวิถีทาง อย่างมีเหตุผล เพื่อทำให้ข้อเสียเปรียบต่างๆ ถูกสร้างสรรค์ขึ้นใหม่