- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ -เรียนฟรี 15 ปี คนไทยพอใจสูงสุด
เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ -เรียนฟรี 15 ปี คนไทยพอใจสูงสุด
สถาบันพระปกเกล้า เปิดผลสำรวจวัดระดับความเชื่อมั่น พบ “ทักษิณ” เมื่อปี 47 ถือเป็นนายกฯ ที่ได้รับความเชื่อมั่นมากสุด น้อยสุดตกเป็นของ “สมัคร- สมชาย” ขณะที่ “อภิสิทธิ์” ปี 53 คนไทยเชื่อมั่น 61% โดยนโยบายช่วยผู้สูงอายุ -เรียนฟรี 15 ปี คนไทยพอใจสูงสุด แย่สุด คือ การปฏิรูปการเมือง
วันที่ 24 ธันวาคม สำนักวิจัยและพัฒนา สถาบันพระปกเกล้า แถลงผลรายงาน ‘มองอดีต แลอนาคต’ วัดระดับความเชื่อมั่นของประชาชนต่อสถาบันต่างๆ และความพึงพอใจต่อการบริการของรัฐ พ.ศ. 2546 - 2553 ณ ห้องประชุมย่อย 5 สถาบันพระปกเกล้า ศูนย์ราชการฯ อาคารบี
ดร.ถวิลวดี บุรีกุล ผู้อำนวยสำนักวิจัยและพัฒนาสถาบันพระปกเกล้า กล่าวถึงผลการสำรวจว่า ได้ร่วมมือกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ ทำการสำรวจวัดระดับความเชื่อมั่น และความพึงพอใจต่อการบริหารประเทศ โดยเป็นการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งปีละ 30,000 ตัวอย่าง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 - 2553 ซึ่งผลสำรวจพบว่า นโยบายสำคัญของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประชาชนพอใจในนโยบายหลักประกันรายได้ผู้สูงอายุร้อยละ 89.7 และโครงการเรียนฟรี 15 ปี ได้รับความพึงพอใจร้อยละ 87.2 ด้านนโยบายสร้างความสมานฉันท์และความสามัคคีในชาติ ประชาชนพึงพอใจร้อยละ 60.5 และที่ได้รับความพึงพอใจน้อยที่สุดคือ การปฏิรูปการเมือง ร้อยละ 55.2
สำหรับความเชื่อมั่นต่อนายกรัฐมนตรี พบว่า รัฐบาลทักษิณ ในช่วงปี 2547 ได้รับความเชื่อมั่นมากที่สุดถึงร้อยละ 92.9 ขณะที่รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ นายกฯ ได้รับความเชื่อมั่นร้อยละ 45.2 และในช่วงปี 2551 ช่วงรัฐบาลนายสมัครและนายสมชาย มีความเชื่อมั่นในตัวนายกฯต่ำที่สุด คือ ร้อยละ 37.6 ขณะที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ได้รับความเชื่อมั่นมากที่สุดในปี 53 ร้อยละ 61.6 ส่วนความเชื่อมั่นต่อสถาบันพรรคการเมือง ตกต่ำที่สุดในปี 2550 โดยมีคนเชื่อมั่นเพียง ร้อยละ 26.1 และในปัจจุบันเชื่อมั่นอยู่ในร้อยละ 36.9
ขณะที่ความเชื่อมั่นต่อสมาชิกรัฐสภา ในช่วงปี 2548 จะเห็นว่า ส.ส.ได้รับความเชื่อมั่นมากกว่า ส.ว. แต่ในปี 2550 ความเชื่อมั่นต่อ ส.ว. เริ่มเพิ่มขึ้นจนมากกว่า ส.ส. ซึ่งปัจจุบันความเชื่อในตัว ส.ว. อยู่ที่ร้อยละ 46.4 ส่วน ส.ส.ร้อยละ 43.9
ความเชื่อมั่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัด พบว่า ช่วงรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ประชาชนมีความเชื่อมั่นร้อยละ 79.5 แต่หลังจากนั้นก็ลดต่ำลงเรื่อยๆ จนต่ำสุดในช่วงปี 2551 ร้อยละ 55.8 และเพิ่มขึ้นในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ จนปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 64.5 ในขณะที่ความเชื่อมั่นในตัวข้าราชการ จะขึ้นลงตามตัวนายกฯ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 44.9 แต่จะเห็นได้ว่าความเชื่อมั่นในตัวเจ้าหน้าที่ศุลกากร อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ คือ ได้รับความเชื่อมั่นร้อยละ 45.7
ความเชื่อมั่นต่อทหารในช่วงรัฐบาลทักษิณ ทหารได้รับความเชื่อมั่นสูงสุดร้อยละ 84.8 ขณะที่ปี 2550 หลังจากที่มีการทำรัฐประหาร ทหารได้รับความเชื่อมั่นอยู่ที่ร้อยละ 61.8 และเพิ่มขึ้นในปี 2552 ได้รับความเชื่อมั่นร้อยละ 76.3 และมาลดลงอีกครั้งในปี 2553 เหลือร้อยละ 67.8 ขณะที่ตำรวจได้รับความเชื่อมั่นมากที่สุดในปี 2548 ร้อยละ 69.2 หลังจากนั้นก็ลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งปัจจุบันได้รับความเชื่อมั่นร้อยละ 54.9
ความเชื่อมั่นต่อศาล ทั้งศาลยุติธรรม ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครอง ต่างก็ได้รับความเชื่อมั่นลดลง ซึ่งในปี 2547 เป็นช่วงที่ทุกศาลได้รับความเชื่อมั่นสูงสุด โดยศาลยุติธรรม ร้อยละ 86.7 ศาลรัฐธรรมนูญ ร้อยละ 84.9 และศาลปกครองร้อยละ 83.1 แต่ในปัจจุบันศาลรัฐธรรมนูญได้รับความเชื่อมั่นน้อยที่สุดใน 3 ศาล คือ ร้อยละ 65.1 ขณะที่ศาลยุติธรรมความเชื่อมั่นอยู่ที่ร้อยละ 71.3 และศาลปกครองอยู่ที่ร้อยละ 67.3
เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นต่อการทำงานขององค์กรด้านการตรวจสอบ โดย กกต. ได้รับความเชื่อมั่นสูงสุดในปี 2548 ร้อยละ 69.9 หลังจากนั้นก็ลดต่ำลงเรื่อยๆ จนมาปัจจุบันได้รับความเชื่อมั่นร้อยละ 56 ขณะที่ ป.ป.ช. ปัจจุบันได้รับความเชื่อมั่นอยู่ที่ร้อยละ 52.1 ส่วน คตง. ระดับความเชื่อมั่นในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 46.8
ส่วนความเชื่อมั่นในองค์กรด้านการตรวจสอบและในคำปรึกษา เป็นที่น่าสังเกตว่า มีเพียงผู้ตรวจการแผ่นดินนั้น ที่ปัจจุบันมีความน่าเชื่อถืออยู่ที่ระดับเกินกึ่งหนึ่งคือ ร้อยละ 51.7 ส่วนคณะกรรมการสิทธิมนุษยนชนแห่งชาติ ได้รับความเชื่อถือเพียงร้อยละ 41.8 และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับความเชื่อถือน้อยที่สุด คือ ร้อยละ 38.8
ทั้งนี้มีความคิดเห็นของประชาชนต่อเรื่องการคอรัปชั่นของรัฐบาล พบว่า ในทุกปีจะมีประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการคอรัปชั่นเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดคือ ร้อยละ 46 - 52 ส่วนที่เห็นด้วยกับการคอร์รัปชั่นของรัฐบาลมีสัดส่วนที่ไม่มากนัก โดยมีผู้ที่เห็นด้วยมากที่สุดในปี 2548 ร้อยละ 3.9 และน้อยที่สุดในปี 2553 ร้อยละ 1.8
นอกจากนี้ประชาชนยังเห็นว่า การคอรัปชั่นและรับสินบนในการปกครองระดับประเทศมากว่าระดับท้องถิ่น ร้อยละ 27.9 และ ร้อยละ 16.6 ตามลำดับ โดยในช่วงรัฐบาล พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประชาชนเห็นว่า มีการคอรัปชั่นมากที่สุด ซึ่งเป็นการคอรัปชั่นระดับประเทศร้อยละ 32.1 และระดับท้องถิ่นร้อยละ 22.5 ในขณะที่การพบเห็นการคอรัปชั่นด้วยตัวเองปัจจุบันพบว่า มีร้อยละ 17.4
ในส่วนของความเชื่อมั่นต่อการทำงานของสื่อฯ พบว่า ลดลงเรื่อยๆ โดยสื่อที่ได้รับความเชื่อมั่นมากที่สุดคือ สื่อโทรทัศน์ ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 66.4 จากที่เคยได้รับความเชื่อมั่นถึง 84.9% ในช่วงปี 2547 ส่วนสื่อที่ได้รับความเชื่อมั่นน้อยที่สุดคือ วิทยุชุมชน อยู่ที่ร้อยละ 40.3 ส่วนความเชื่อมั่นต่อเอ็นจีโอ ปัจจุบันเหลือเพียงร้อยละ 25.1
ดร.ถวิลวดี กล่าวด้วยว่า ผลการสำรวจครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพึงพอใจของประชาชนที่มีต่อภาครัฐ และสถาบันต่างๆ ซึ่งความพึงพอใจที่ประชาชนมีต่อภาครัฐมากที่สุดคือเรื่องภาคสังคม
“ถ้ารัฐให้ความสำคัญกับสวัสดิการทางสังคมที่นอกเหนือจากเรื่องไฟฟ้า น้ำประปา ถนน และโทรศัพท์ ที่ได้รับความพึงพอใจอยู่ที่ระดับร้อยละ 70 อยู่แล้ว ประชาชนจะมีความพึงพอใจเป็นพิเศษ ส่วนองค์กรตรวจสอบความโปร่งใสต่างๆ ยังต้องปรับปรุงการทำงาน เพราะความพึงพอใจที่ประชาชนมีน้อยมาก และภาครัฐเองควรทบทวนนโยบายที่จะนำเสนอต่อไปด้วยว่าสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริงหรือไม่ รวมทั้งสถาบันที่ดูแลด้านความมั่นคงของสังคมก็ไม่ได้เพิ่มความไว้วางใจมากขึ้น จึงควรมีการปฏิรูปตนเอง หรือทบทวนบทบาทของตนเองด้วย”
ผอ. สำนักวิจัยและพัฒนาสถาบันพระปกเกล้า กล่าวด้วยว่า ผลการวิจัยทั้งหมดนี้ จะนำส่งให้รัฐบาล สถาบันต่างๆ รวมถึงหน่วยงานที่ถูกทำการสำรวจ เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขปัญหาในองค์กรต่อไป ซึ่งเชื่อว่าเป็นผลการสำรวจที่ลึก และข้อมูลทั้งหมดสามารถนำมาอธิบายในระดับประเทศได้