- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ผู้หญิงพลิกโฉม ค้านกม.ความเท่าเทียมระหว่างเพศ ฉบับ พม.
ผู้หญิงพลิกโฉม ค้านกม.ความเท่าเทียมระหว่างเพศ ฉบับ พม.
จี้ทบทวนการกำหนดให้เลือกปฏิบัติในกรณีที่มีเหตุผลทางวิชาการ ทางศาสนา หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ ‘รศ.วิระดา’ ชี้ขัดหลักสิทธิมนุษยชน พร้อมดันร่างกม.ฉบับประชาชนที่ครอบคลุมกว่า
วันที่ 18 มกราคม เครือข่ายผู้หญิงพลิกโฉมประเทศไทย เครือข่ายผู้หญิงเพื่อความก้าวหน้าและสันติภาพและเครือข่ายภาคประชาชน จัดเสวนาและแถลงข่าว “ร่าง พ.ร.บ.ฉบับประชาชน และข้อเสนอแนะต่อร่างกฎหมายความเท่าเทียมระหว่างเพศ…” ณ ห้องเทพประทาน ชั้น 7 โรงแรมเวียงใต้ กรุงเทพฯ โดยมี รศ.วิระดา สมสวัสดิ์ ศูนย์สตรีศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นางอังคณา นีละไพจิตร คณะกรรมการยุติธรรมเพื่อสันติภาพ นางชนัญชิดา จันทะแสง กลุ่มหญิงสู้ชีวิต นางนัยนา สุภาพึ่ง มูลนิธิธีรนาถ กาญจนอักษร และนางอุษา เลิศศรีสันทัด มูลนิธิผู้หญิง ร่วมเป็นวิทยากร
รศ.วิระดา กล่าวว่า "ร่าง พ.ร.บ.ความเท่าเทียมกันระหว่างเพศ ฉบับของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)" ที่กำลังจะเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ในการประชุมสมัยหน้า มีการกำหนดคำนิยามการเลือกปฏิบัติโดยที่มีข้อยกเว้นให้สามารถเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศได้ ในกรณีที่มีเหตุผลทางวิชาการ ทางศาสนา หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ เท่ากับเปิดช่องให้สามารถเลือกปฏิบัติระหว่างเพศ และยังขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนอย่างชัดเจน
“ไม่เห็นด้วยกับข้อยกเว้น และขอให้มีการทบทวนคำนิยามด้วย เพราะหากพูดถึงกรณีเหตุผลทางศาสนาแล้ว นับว่าขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน และในกรณีเหตุผลทางวิชาการ ก็เกิดความเคลือบแคลงว่า ผู้กำหนดนิยาม พร้อมที่จะดำรงการเลือกปฏิบัติด้วยหรือไม่ ส่วนเหตุผลทางวิชาการ ก็ยังอธิบายไม่ได้ว่าคืออะไร จึงไม่ควรมีข้อยกเว้น”
ด้าน นางชนัญชิดา กล่าวว่า ในกลุ่มผู้หญิงสู้ชีวิต ที่เป็นแรงงานถูกหลอกลวงในต่างประเทศจำนวนมากยังไม่ทราบว่าทางกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ มีการดูแลในส่วนนี้ด้วย อีกทั้งไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนของรัฐได้ เพราะผู้นำชุมชนและคนในชุมชนมีทัศนะคติที่ไม่ดีต่อกลุ่มแรงงานนับเป็นเรื่องยากลำบากในการดำรงชีวิต และไม่สามารถเปิดเผยตัวเองว่าถูกกระทำ หรือขอความช่วยเหลือจากใครได้ อาจด้วยเพราะขาดข้อมูล และไม่รู้สิทธิ รวมทั้งยังถูกเจ้าหน้าที่ละเมิดซ้ำด้วยการตั้งคำถาม กระบวนการและกรอบการพิจารณาการช่วยเหลือก็ยังใช้เวลายาวนาน ทั้งหมดนี้เองนับเป็นการถูกเลือกปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่นับเป็นประเด็นของความไม่เท่าเทียม
ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน มีการเสวนา "ร่างกฎหมายความเท่าเทียมระหว่างเพศ ส่งเสริมหรือซ้ำเติม" โดยเป็นการถกแถลง และตั้งข้อสังเกตถึงร่างกฎหมายฯ ฉบับประชาชน ที่จะนำเสนอไปยังสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งหลังจากนี้จะมีการเดินสายระดมความเห็นทั่วประเทศเกี่ยวกับร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว เริ่มต้นที่ภาคเหนือวันที่ 26 ม.ค.นี้ ณ โรงแรมโลตัส ปางสวนแก้ว จังหวัดเชียงใหม่ ตามด้วยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้