- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ระบบสวัสดิการที่ยั่งยืน"อัมมาร" แนะต้องมีภาษีหนุนหลัง
ระบบสวัสดิการที่ยั่งยืน"อัมมาร" แนะต้องมีภาษีหนุนหลัง
เปิดผลงานวิจัยTDRI ประชา “นิยม” อะไร พบประชาเสวนาหนุนให้รัฐจัดระบบสวัสดิการสังคม “การศึกษา”นำโด่ง ยอมควักเงินจ่ายภาษีเพิ่ม ด้าน นิธิ เอียวศรีวงศ์ ระบุเพิ่มภาษีที่ดิน อย่าเพ่งเล็งที่ตัวเงินอย่างเดียว
ดร.อัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวในการอภิปรายเรื่อง “เราจะปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อความเป็นธรรมในสังคมกันอย่างไร” ในงานสัมมนาวิชาการประจำปีทีดีอาร์ไอ เมื่อเร็วๆ นี้ โดยชี้ให้เห็นว่า ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจเกิดจากมาจาก 2 สาเหตุ ทั้งด้านรายได้และด้านทรัพย์สิน กระบวนการทั้งหมดรัฐจงใจปฏิบัติให้เกิดขึ้น ขณะที่มาตรการด้านภาษีกลับเข้ามามีบทบาทน้อย พร้อมเสนอว่า ระบบสวัสดิการที่ประชานิยมอย่างยั่งยืน มีทางเป็นไปได้ ถ้ารัฐมีระบบภาษีหนุนหลัง
นักวิชาการเกียรติคุณ ทีดีอาร์ไอ กล่าวถึงความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจว่า เกิดจากมาจาก 2 สาเหตุ ทั้งความเหลื่อมล้ำด้านรายได้และความเหลื่อมล้ำด้านทรัพย์สิน อีกทั้งมีการจงใจปฏิบัติให้เกิดขึ้น ขณะที่มาตรการผูกขาดไร้น้ำยา การให้สัมปทานของรัฐก็เอื้อให้เกิดการตักตวงผลประโยชน์ ไม่เว้นแม้แต่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และตลาดสินค้าเกษตร ทำให้เอกชนได้รับประโยชน์ส่วนเกินมหาศาล
“มาตรการภาษีของรัฐบาลยังเป็นการซ้ำเติมความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ที่รายได้ ภาษีส่วนใหญ่มาจากการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการบริโภคของประชาชน ขณะที่การเก็บภาษีจากนายทุนมีสัดส่วนน้อย”ดร.อัมมาร กล่าว และว่า ประเทศไทยนับวันประชากรผู้สูงอายุจะมากขึ้น เพิ่มภาระในการดูแล ระบบสวัสดิการ เป็นสิ่งที่ประชาชนนิยม ที่ยั่งยืน มีทางเป็นไปได้ ถ้ารัฐมีระบบภาษีหนุนหลัง
ในเวทีประชาเสวนา (Citizen Dialogue) ของทีดีอาร์ไอ ประชานิยมอะไรจริงๆ ดร.อัมมาร กล่าวว่า ประชาชนสนับสนุนแนวทางที่จะให้รัฐ จัดระบบสวัสดิการสังคม โดยเฉพาะด้านการศึกษา ม.1-ม.6 ฟรี สนับสนุนระบบสวัสดิการแบบถ้วนหน้ามากกว่าเจาะจงให้เฉพาะคนจน และพร้อมจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งสำคัญในการปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อความเป็นธรรมในสังคม คือรัฐบาลต้องนิ่งในการดำเนินนโยบาย และรัฐบาลต้องกล้าในการปฏิรูประบบภาษีให้เกิดความเป็นธรรม ประเทศไทยก็จะมีรายได้พอให้ภาคธุรกิจได้พัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขัน ปัจจุบันมนุษย์เงินเดือนเสียภาษีมากที่สุด ขณะที่คนร่ำรวยใช้สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนมากกว่าคนจน
เรื่องการเก็บภาษีเพิ่ม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทำยาก พร้อมตั้งคำถามว่า คนขยันเหตุใดจึงไปลงโทษ และเห็นว่า ระบบภาษีทางตรงคิดว่าดีที่สุด และเป็นธรรม
เช่นเดียวกับนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องภาษีว่า ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเห็นว่า ทางดีที่ควรเพิ่มความเป็นธรรม เพิ่มรายได้ เพิ่มโอกาสให้คนรายได้น้อยมีช่องทางได้รับสวัสดิการ พร้อมสนับสนุนแนวคิดของนักวิชาการที่เสนอให้ประชาชนมีสิทธิมีเสียงในการแสดงความคิดเห็น และให้รัฐจัดทำระบบสวัสดิการสังคม โดยควรบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ เพื่อปิดช่องว่างไม่ให้พรรคการเมืองนำเรื่องนี้มาใช้ในการหาเสียง
ขณะที่ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า ในอดีตคนไทยที่อยู่กันอย่างสงบ เพราะส่วนใหญ่พอใจเป็นผู้พึ่งพิง ปัจจุบันสังคมเปลี่ยนไป คนจำนวนมากเข้าไม่ถึงทรัพยากรที่ดิน ป่าไม้ น้ำ และทรัพยากรทางสังคมก็เข้าไม่ถึง ไม่มีชุมชน ชุมชนแตก แก่งแย่ง หันมาพึ่งพาระบบอุปถัมภ์อย่างเดียว ซึ่งการที่คนหันมาพึ่งพารัฐมากขึ้น ส่งผลให้คนเหล่านี้เข้ามาต่อรองในเวทีของรัฐ ในรูปของการประท้วง เรียกร้อง
“เราจำเป็นต้องคิดเรื่องสวัสดิการสังคมที่เป็นไปได้ เรื่องการศึกษาสำคัญ ไม่ใช่เน้นคนให้ฉลาด แต่เป็นเพราะว่า พ่อแม่ไม่สามารถให้มรดกแก่ลูกได้อีกต่อไปแล้ว มรดกสิ่งเดียวที่สามารถให้ได้ คือการศึกษา คนไทยในโลกปัจจุบันจำเป็นต้องเข้าถึงรัฐ จำเป็นต้องได้รับสวัสดิการบางอย่าง เช่น มีไฟฟ้า น้ำประปา อย่างหนีไม่พ้น แต่ถามว่านำเงินมาจากไหน”นักวิชาการอิสระ กล่าว
ท้ายสุด ศ.ดร.นิธิ กล่าวถึงเรื่องภาษีที่ดินว่า อย่าเพ่งเล็งที่ตัวเงินอย่างเดียว แต่ควรมองว่าทำอย่างไรให้คนเข้าถึงที่ดินมากขึ้น ไม่ให้ที่ดินเป็นสินค้าเก็งกำไร เป็นการค้า และทำอย่างไรให้คนเข้าถึงทรัพยากร ซึ่งจะช่วยลดความยากจนได้