- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- “ศ.ระพี สาคริก” ผู้สูงอายุที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสังคม
“ศ.ระพี สาคริก” ผู้สูงอายุที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสังคม
รมว.พม.เปิดงาน-มอบรางวัลในงานผู้สูงอายุแห่งชาติ โชว์ตัวเลขไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้วตั้งแต่ปี 50 มีประชากรสูงอายุ 11% ของจำนวนประชากรทั่วประเทศ คาดอีก 20 ปี พุ่งขึ้นเป็น 25%
วันนี้ (9 เม.ย.) นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานเปิดงานและมอบรางวัลในงานผู้สูงอายุแห่งชาติปี 2553 ณ สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ
สำหรับปีนี้ คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ได้มีมติเห็นชอบประกาศสดุดีเกียรติคุณยกย่อง ศาสตราจารย์ระพี สาคริก เป็นผู้สูงอายุแห่งชาติ พุทธศักราช 2553 ตามมติคณะอนุกรรมการสรรหาผู้สูงอายุที่เป็นแบบอย่างที่ดีในสังคมเสนอ โดยศ.ระพี เป็นบุคคลแรกที่ทำให้เปลี่ยนจุดศูนย์กลางของกล้วยไม้มาสู่ประเทศไทย และมีผลงานที่สร้างคุณค่า เป็นประโยชน์อย่างมากต่อสังคมโดยรวม โดยเฉพาะวงการกล้วยไม้จนได้รับการกล่าวขานว่าเป็น "บิดาแห่งกล้วยไม้ไทย"
นายอิสสระ กล่าวถึงจำนวนประชากรสูงอายุทั่วโลกได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมาตั้งแต่ปี 2550 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องไปอีกในระยะ 15-20 ปีข้างหน้า ซึ่งในปัจจุบันมีจำนวนประชากรสูงอายุมากกว่า 7 ล้านคน หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 11 ของจำนวนประชากรทั่วประเทศ
“คาดว่าตั้งแต่ปี 2573 เป็นต้นไป จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณร้อยละ 25 ของจำนวนประชากรทั่วประเทศ หรือก็คือ ในจำนวนคนไทยทุกๆ 5 คน จะมีผู้สูงอายุรวมอยู่ด้วย 1 คน” รมว.พม.กล่าว และว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสร้างหลักประกันเพื่อความมั่นคงในวัยสูงอายุ และการดูแลคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุระยะยาว ทั้งทางด้านสุขภาพอนามัยและด้านสังคม โดยเฉพาะในเรื่องของการสร้างหลักประกันความมั่นคงด้านรายได้ โดยมีการผลักดันให้เกิดระบบสวัสดิการด้านเบี้ยยังชีพสำหรับผู้สูงอายุอย่างถ้วนหน้า ซึ่งผู้สูงอายุจะได้รับเบี้ยยังชีพเป็นรายเดือนๆ ละ 500 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายขั้นพื้นฐานในการยังชีพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน และจัดสวัสดิการให้แก่ผู้สูงอายุที่เสียชีวิตได้รับการช่วยเหลือเป็นเงินค่าจัดการศพรายละ 2,000 บาท เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการจัดการศพ แก่ครอบครัวผู้สูงอายุ
นายอิสสระ กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อผลักดันและขับเคลื่อนประเด็นการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวขึ้น เพื่อทำหน้าที่เป็นกลไกหลักในการส่งเสริม สนับสนุน และผลักดันทิศทางนโยบายด้านการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว โดยจะให้ความสำคัญเรื่องการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง นอกจากนี้ รัฐบาลกำลังอยู่ระหว่างการผลักดันเรื่องการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบบำนาญ จะเป็นอีกมาตรการหนึ่งในการช่วยกระตุ้นให้ประชาชนที่อยู่ในวัยทำงาน มีการออมเงินแบบผูกพันระยะยาวมากขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้เป็นมาตรการเสริมสำหรับรองรับสังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบของประเทศไทยในระยะอีก 15-20 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ รมว.พม.กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติให้หน่วยงานส่วนกลางและส่วนภูมิภาค กระจายอำนาจและส่งเสริมศักยภาพการทำงานด้านผู้สูงอายุให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะการดูแลผู้สูงอายุในระยะยาว นอกจากสมาชิกครอบครัวที่มีบทบาทหน้าที่โดยตรงแล้ว ชุมชน และท้องถิ่น ก็มีบทบาทสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจึงเป็นหน่วยงานฐานรากที่ทำงานใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด และมีบทบาทสำคัญในการริเริ่มและดำเนินการให้เกิดความก้าวหน้า เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกกลุ่มที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่ควรได้รับการดูแล การเฝ้าระวัง และสอดส่องจากชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้รับโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และสามารถเข้าร่วมกิจกรรมสังคมต่างๆ รวมทั้งได้รับบริการสุขภาพและสวัสดิการสังคมอย่างทั่วถึง