- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- รัฐเดินเครื่องวางรากฐาน สร้างระบบสวัสดิการสังคมอย่างจริงจัง
รัฐเดินเครื่องวางรากฐาน สร้างระบบสวัสดิการสังคมอย่างจริงจัง
นายกฯ ตั้งเป้าอีก 6-7 ปี ปชช.ต้องมีคุณภาพชีวิต-หลักประกัน-ความมั่นคงในชีวิตดีขึ้น ครอบคลุมทุกด้าน เน้นการมีส่วนร่วมของปชช.เป็นสำคัญ
วันนี้ (13 ก.ย.) เมื่อเวลา 08.00 น. คณะกรรมาธิการสวัสดิการสังคม สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จัดสัมมนาเรื่อง "การกำหนดให้สังคมสวัสดิการเป็นวาระแห่งชาติ" ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกล่าวเปิดงานและบรรยายพิเศษ ทั้งนี้มีนายสมัย เจริญช่าง ประธานคณะกรรมาธิการสวัสดิการสังคม, ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน นักวิชาการ ผู้นำศาสนา ตลอดจนสื่อมวลชนเข้าร่วมจำนวนมาก
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดให้เรื่องของสังคมสวัสดิการเป็นวาระสำคัญของแห่งชาติ และได้กำหนดเป้าหมายว่า ภายในปี 2559 - 2560 หรือระยะเวลา 6-7 ปีจากนี้เป็นเป้าหมายที่รัฐบาลจะจัดให้มีระบบสวัสดิการสังคมแก่ ประชาชนกลุ่มต่าง ๆ อย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 ด้วย โดยรัฐบาลมีเป้าหมายจะนำพาประเทศสู่การเป็นสังคมสวัสดิการ เพื่อให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีหลักประกันและความมั่นคงในชีวิต ที่ครอบคลุมในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง
สำหรับการแก้ปัญหาความยากจนและการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนที่ผ่านมานั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังประสบกับปัญหาการขาดแคลนปัจจัยพื้นฐาน ไม่ว่าที่ทำกิน ที่อยู่อาศัย การเจ็บป่วย หรือปัญหาอื่นๆ ดังนั้นจำเป็นต้องมีการทบทวนโครงการหรือมาตรการนโยบายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน เช่น ระบบการเก็บภาษีอากร ระบบสวัสดิการสังคม ระบบการรักษาพยาบาลฟรี ระบบอุปถัมภ์ที่คนยากจนไม่สามารถเข้าถึงระบบสวัสดิการ ต่าง ๆ การให้บริการของโรงพยาบาลที่ยังมีความเหลื่อมล้ำ การช่วยเหลือสวัสดิการผู้สูงอายุ การบริหารจัดการที่มีความเป็นธรรม ทั้งหมดไม่เอื้อต่อการพัฒนาที่ทำให้ทุกคนมีความมั่นคงและได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างแท้จริงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
“ถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการเดินหน้าการสร้างระบบสวัสดิการสังคมอย่างจริงจัง และต้องเริ่มต้นวางรากฐานอย่างชัดเจน” นายกฯ กล่าว และว่า การดึงประชาชนให้เข้ามามีส่วนร่วมนั้นถือว่ามีความสำคัญ เพราะถ้าประชาชนไม่เข้ามามีส่วนร่วม การดำเนินโครงการทุกอย่างย่อมไม่สามารถที่จะประสบความสำเร็จและมีความยั่งยืนได้
ส่วนโครงการที่รัฐบาลได้ดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลได้เริ่มต้นดำเนินการไปแล้วหลายเรื่อง เช่น โครงการเรียนฟรี 15 ปี โครงการอาหารกลางวัน นมโรงเรียน การช่วยเหลือสวัสดิการผู้สูงอายุและคนพิการ เป็นต้น โดยเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นในทุก ๆ ด้าน และกระจายไปสู่ประชาชนทุกกลุ่มเพื่อให้มีหลักประกันที่มั่นคง และสามารถนำไปใช้ในนโยบายทางด้านอื่นๆ ด้วย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกร เช่น โครงการประกันรายได้เกษตรกร การสร้างระบบประกันภัยพิบัติทางธรรมชาติ การส่งเสริมให้มีการออมในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่การมีเงินกองทุนที่เป็นสวัสดิการ คาดว่าจะสามารถนำเสนอกฎหมายกองทุนเงินออมแห่งชาติเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาได้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่รัฐเปิดโอกาสให้คนที่ไม่ได้อยู่ในระบบราชการ และไม่อยู่ในระบบประกันสังคมสามารถที่จะออมเงินโดยก็ได้รับเงินสมทบจาก รัฐบาล เช่นเดียวกับคนที่อยู่ในกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กองทุนประกันสังคม
“เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้เดินหน้าทำควบคู่กับการตรากฎหมายในกลุ่มอื่น ๆ ที่จะเปิดโอกาสให้สร้างระบบกองทุนเพื่อนำไปสู่ระบบสวัสดิการที่มีความ ยั่งยืนได้ เช่น กฎหมายประกันสังคม โดยจะมีการปรับปรุงแก้ไขเพื่อพยายามที่จะจูงใจแรงงานนอก ระบบเข้ามาสู่ระบบประกันสังคมมากขึ้น และขณะนี้รัฐบาลกำลังจัดทำกฎหมายกองทุนสวัสดิการชาวนา โดยนำเงินที่หักจากการขายข้าวใส่เข้ากองทุน และรัฐบาลสมทบเงินให้เช่นเดียวกัน และรัฐยังได้ดำเนินโครงการสวัสดิการชุมชนให้กับชุมชนท้องถิ่นต่าง ๆ ในลักษณะการออมเงินวันละ 1 บาท โดยรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมสมทบในอัตรา 1:1:1 “
นายกฯ กล่าวอีกว่า การพัฒนาแนวคิดเพื่อให้เกิดระบบสวัสดิการ สังคมที่มีความครอบคลุม และสามารถกำหนดเป้าหมายใน 6 -7 ปีข้างหน้าได้ ขณะเดียวกันต้องเป็นระบบที่ไม่บั่นทอนขีดความสามารถของระบบเศรษฐกิจ เป็นระบบที่ส่งเสริมประชาธิปไตยแบบการมีส่วนร่วมของประชาชน หากทำได้เช่นนี้จะเป็นการปฏิรูปบ้านเมืองครั้งใหญ่ และสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองให้กับประเทศ
ทั้งนี้สืบเนื่องจากรัฐบาลได้ประกาศจะดำเนินการจัดระบบสวัสดิการสังคมให้เป็นระบบมีความมั่นคง และความยั่งยืน โดยจะให้แล้วเสร็จเป็นรูปธรรมภายในปี 2560 คณะกรรมาธิการสวัสดิการสังคม สภาผู้แทนราษฎร จึงได้ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จัดให้มีการสัมมนาเรื่อง "อนาคตสังคมไทยกับงานด้านสวัสดิการสังคม"ขึ้นเพื่อระดมความคิดเห็นของผู้มีประสบการณ์ตรงในแวดวงงานด้าน สวัสดิการสังคมเพื่อกำหนดเป็นกรอบและทิศทางการดำเนินงานของระบบสวัสดิการ สังคมในอนาคตให้สอดรับกับทิศทางของนโยบายรัฐบาลด้านสวัสดิการสังคมที่จะเกิดขึ้น