- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- เร่งศึกษามาตรา 40 ขยายคุ้มครองแรงงานนอกระบบ
เร่งศึกษามาตรา 40 ขยายคุ้มครองแรงงานนอกระบบ
ปลัดกระทรวงแรงงาน ชี้แจงจะแยกส่วนจากมาตรา 33 ของกองทุนประกันสังคม ขณะที่สิทธิประโยชน์จากการจัดเก็บมาตรา 40 ต้องแก้กฎหมาย และออกเป็นพระราชกฤษฎีกาใช้บังคับต่อไป
วันที่ 17 มกราคม นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงความกังวลของผู้ประกันตนตามกองทุนประกันสังคม ถึงกรณีที่จะมีการขยายการคุ้มครองสู่แรงงานนอกระบบในกลางปี 2554 รวมถึงสภาพปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกันตนในเรื่องปัญหาการบริการด้านการรักษาพยาบาล ว่า กระทรวงแรงงานได้ทราบปัญหาต่าง ๆ และวางมาตรการในการดูแล หากมีความผิดสังเกตหรือการร้องเรียน จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบถึงสาเหตุของปัญหาต่าง ๆ หากสถานพยาบาลใดดำเนินการไม่ถูกต้อง ผิดสัญญา ก็ต้องมีการลงโทษและเน้นให้เข้มงวดในทางปฏิบัติมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนบ่อยครั้ง เช่นเรื่องการรักษาพยาบาลในโรคที่รุนแรงที่อาจเกี่ยวเนื่องกับการส่งต่อผู้ป่วยด้วย ขอให้มั่นใจว่ากระทรวงแรงงานมิได้นิ่งนอนใจ และพยายามหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น มีการศึกษาเปรียบเทียบกับการประกันสังคมของประเทศอื่น ๆ
“ปัจจุบันมีการกล่าวถึงแนวคิดเรื่องมาตรฐานค่าใช้จ่ายแบบ DRG (Diagnosis Related Groups) หรือ กลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม หมายถึง การจัดกลุ่มโรคของผู้ป่วย ที่ใช้ทรัพยากรในการรักษาใกล้เคียงกันไว้ในกลุ่มเดียวกันกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วมกับการพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศไทย โดยนำมาใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการจัดบริการให้ต้นทุนที่ต่ำที่สุดแต่คุณภาพมาตรฐานใกล้เคียงกัน เพื่อการกำหนดมาตรฐานค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยซึ่งเกี่ยวโยงถึงระบบการเหมาจ่ายกรณีผู้ป่วยใน – ผู้ป่วยนอก เป็นต้น แต่ทั้งนี้ต้องศึกษาถึงความเป็นไปได้ ความสอดคล้องกับสภาพปัญหาที่พบเจอ และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย”
สำหรับการบริหารจัดการในเรื่องของเงินสมทบและสิทธิประโยชน์นั้น ในส่วนมาตรา 40 ที่ขยายความครอบคลุมแรงงาน นอกระบบนั้น ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า จะแยกส่วนจากมาตรา 33 ของกองทุนประกันสังคม การบริหารจัดการได้มีการศึกษาและคำนวณผลทั้งเรื่องเงินสมทบ สิทธิประโยชน์จากการจัดเก็บของมาตรา 40 ต้องมีการแก้ไขกฎหมายส่วนของมาตรา 40 เดิมที่เคยเก็บ 3,800 บาทต่อปี ต้องนำตัวเลขที่มีการนำเสนอช่วงก่อนหน้านี้คือให้เลือกจ่ายเงินสมทบ2 อัตราคือ 100 บาท/เดือน และ 150 บาทต่อเดือน ซึ่งต้องรอการแก้ไขกฎหมายและออกเป็นพระราชกฤษฎีกาใช้บังคับต่อไป