- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- สสส. จับมือ 14 หน่วยงานทำโครงการรัฐสุขภาวะในองค์กร
สสส. จับมือ 14 หน่วยงานทำโครงการรัฐสุขภาวะในองค์กร
หลังพบค่ารักษาพยาบาลภาครัฐพุ่งหมื่นบาท/หัว สูงกว่าประกันสังคม-บัตรทองถึง 5 เท่า รองผู้จัดการ สสส.ระบุ หากไม่เร่งแก้อาจทำให้ระบบสวัสดิการการรักษาพยาบาลของไทยทั้ง 3 ระบบพุ่งจาก 2 แสนล้านในปี 2552 เป็น 6 แสนล้านบาทอีก 10 ปีข้างหน้า
ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แถลงถึงสถานการณ์สุขภาพของบุลคลากรในองค์กรภาครัฐ ในงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “รัฐไร้โรค” สร้างสุขภาพดีเพื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2553 ที่โรงแรม VIE ว่า ในแต่ละปีที่ผ่านมา รัฐมีค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการรักษาพยาบาลให้แก่ข้าราชการ ลูกจ้าง บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และบิดามารดา ครอบคลุมเกือบทุกอย่างสูงที่สุด มากกว่าผู้ประกัน
ตนในระบบประกันสังคมและผู้ถือบัตรทองในระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า และยังมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะระบบปลายเปิด ซึ่งในปี 2550 มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลข้าราชการและลูกจ้าง 8,408 บาทต่อคนต่อปี ในขณะที่ค่าใช้จ่ายของผู้ประกันตนอยู่ที่ 2,231 บาทต่อคน และผู้ถือบัตรทอง 1,900 บาทต่อคน ปี 2551 มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลข้าราชการและลูกจ้างเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 10,000 บาทต่อคน หรือคิดเป็น 5 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อหัวในระบบประกันสังคมและหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ที่ต้องดูแลประชาชนมากถึง 47 ล้านคน แต่ใช้งบประมาณเพียง 90,000 ล้านบาทเท่านั้น
“มีการประมาณการณ์กันว่า หากรัฐบาลไม่เร่งแก้ปัญหาค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้นต่อเนื่องนี้ อาจทำให้ระบบสวัสดิการการรักษาพยาบาลของไทย ทั้ง 3 ระบบ คือ สวัสดิการของข้าราชการ ประกันสังคม และหลักประกันสุขภาพ จะเพิ่มขึ้นจาก 200,000 ล้านบาทในปี 2552 เป็น 600,000 ล้านบาทในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายของข้าราชการ คาดว่าในปี 2553 จะเพิ่มเป็น 75,600 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 61,000 ล้านบาทในปี 2552 และมีแนวโน้มเป็น 100,000 ล้านบาทในอนาคต”
ทพ.กฤษดา กล่าวว่า สสส.ซึ่งมุ่งพัฒนาระบบและโครงสร้างในหน่วยงานราชการ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการสร้างเสริมสุขภาวะแก่บุคลากรทุกระดับในหน่วยงานราชการ และสร้างเครือข่ายของหน่วยงานราชการ เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และร่วมพัฒนาให้เกิดกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาวะในองค์กรที่ยั่งยืน รวมทั้ง หวังที่จะพัฒนาหน่วยราชการต้นแบบ จึงสนับสนุนให้เกิดโครงการ “รัฐไร้โรค” สร้างสุขภาพที่ดี เพื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งเป็นโครงการที่จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ของรัฐมีสุขภาพที่ดี ลดการเจ็บป่วยในหน่วยงานราชการ อันจะส่งผลให้เกิดการลดภาระของรัฐในเรื่องค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการและลูกจ้าง
ขณะที่นพ.พรชัย สิทธิศรัณย์กุล ผู้จัดการแผนงานเพิ่มขีดความสามารถสู่การเป็นหน่วยงานรัฐสุขภาวะ กล่าวถึงทิศทางการพัฒนาสุขภาพของบุคลากรในองค์กรภาครัฐ ว่า มีหน่วยงานของรัฐเข้าร่วมโครงการ “รัฐไร้โรค” สร้างสุขภาพที่ดี เพื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งสิ้น 14 หน่วย ทั้งจากส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น โดยแต่ละหน่วยงานจะมีการกำหนดคนกลุ่มหนึ่งเป็นแกนนำเพื่อทำโครงการรัฐสุขภาวะในองค์กร เน้นการมีส่วนร่วมในการสร้างเสริมสุขภาพของข้าราชการและบุคลากรในองค์กร จากนั้นจะเริ่มการดำเนินการจากการวินิจฉัยองค์กร โดยใช้เครื่องมือ “จับถูก-จับผิด” กำหนดกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพที่จะทำ แล้วลงมือทำ เมื่อเสร็จสิ้นโครงการจะมีการประเมินผล รวมทั้ง แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับองค์กรอื่นๆในแผนงาน
“หวังว่าองค์กรที่เข้าร่วมโครงการจะตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างเสริมสุขภาพและดำเนินการได้ต่อไปอย่างต่อเนื่อง หรือแม้กระทั่งให้ความช่วยเหลือ หรือเป็นที่เรียนรู้ดูงานขององค์กรอื่นๆ ที่ประสงค์จะทำการสร้างเสริมสุขภาพในอนาคต” นพ.พรชัย กล่าว และว่า หลังจากดำเนินโครงการนี้ ก็คาดว่าจะเกิดการสร้างเสริมสุขภาพและพัฒนาชีวิตคนทำงาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการพัฒนาบุคลากรขององค์กรภาครัฐทุกระดับ และคาดว่า บุคลากรภาครัฐมีสุขภาพองค์รวมดีขึ้น เจ็บป่วยด้วยโรคที่ป้องกันได้ลดลง รวมถึงมีผลต่อเรื่องค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลของข้าราชการและบุคลากรของรัฐลดลงหรือเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง
สำหรับหน่วยงานภาครัฐ 14 องค์กร ที่เข้าร่วมกับ สสส.ได้แก่ 1.สำนักงานสตรีและกิจการครอบครัว กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 2.สำนักงานปลัด กระทรวงวัฒนธรรม 3.จังหวัดชลบุรี 4.จังหวัดสระบุรี 5.จังหวัดอ่างทอง 6.อบจ.ฉะเชิงเทรา 7.อบจ.สมุทรสาคร 8.เทศบาลเมืองอ่างทอง 9.เทศบาลเมืองหนองปรือ 10.เทศบาลเมืองแก่งคอย 11.เมืองพัทยา 12.เขตดุสิต 13.คลองเตย และ 14.ตลิ่งชัน