- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- สปสช. เตรียมของบ 500 ล้านบาท อุ้มผู้ป่วยจิตเวช
สปสช. เตรียมของบ 500 ล้านบาท อุ้มผู้ป่วยจิตเวช
นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2554 สปสช. เตรียมจะเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อก่อตั้งกองทุนผู้ป่วยจิตเวช ซึ่งเป็นกองทุนรักษาโรคใหม่ ที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมเสนอของบประมาณดำเนินการในปีแรกเฉพาะผู้ป่วยนอกที่มารับบริการที่สถานพยาบาลจำนวน 528.26 ล้านบาท ครอบคลุมผู้ป่วยโรคจิตสมองเสื่อม ผู้ป่วยบกพร่องทางพัฒนาการ อารมณ์แปรปรวน และโรคซึมเศร้าที่มีอาการจิตร่วม ผู้ป่วยจิตเวชกลุ่มนี้ต้องทานยาริสเพอร์รีโดนเป็นประจำ เพื่อควบคุมอาการทางจิต แต่ที่ผ่านมามีปัญหาผู้ป่วยเข้าไม่ถึงยา เพราะยาชนิดนี้มีราคาแพงมาก ทำให้ผู้ป่วยไม่ได้รับยาต่อเนื่อง ส่งผลให้อาการกำเริบรุนแรงขึ้น
“สปสช. คาดหวังว่าครม. อนุมัติให้จัดตั้งกองทุนใหม่ เพราะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยจิตเวชอย่างมาก ช่วยให้ผู้ป่วยจิตเวชได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีแรก สปสช. จะนำเงินมาจัดซื้อยาริสเพอร์รีโดนที่มีปัญหาเข้าไม่ถึงยาให้กับผู้ป่วยบัตรทองให้ได้รับยาอย่างทั่วถึง และในอนาคตระยะยาว สปสช. ก็จะขยายสิทธิโยชน์ผู้ป่วยจิตเวชเพิ่มมากขึ้น อาทิ เพิ่มยารักษาอาการทางจิต ขยายการรักษาของผู้ป่วยในให้นานขึ้นจากปัจจุบัน ที่สปสช. จะออกค่าใช้จ่ายกรณีผู้ป่วยในรักษาในโรงพยาบาลนานเพียง 15 วันเท่านั้น ซึ่งถือว่ายังไม่เพียงพอเพราะในรายที่มีอาการหนักจะใช้เวลารักษาในโรงพยาบาลนานหลายเดือน” นพ.วินัย กล่าว
นพ.วินัย กล่าวว่า ข้อมูลล่าสุด พบว่า ประเทศไทยมีผู้ป่วยจิตเวชที่มีอาการเริ่มต้นถึงรุนแรงราว 12 ล้านคน คิดเป็นประมาณ 20% ของประชากรทั้งประเทศ โดยเป็นโรคจิตเภทรุนแรง 300,000 - 600,000 คน โรคซึมเศร้า ประมาณ 600,000 - 1.2 ล้านคน และโรคอารมณ์แปรปรวน 240,000 คน ซึ่งในจำนวนนี้เข้าถึงบริการสุขภาพเพียง 480,000 คน คิดเป็น 4% เท่านั้น ผู้ป่วยกลุ่มนี้ต้องทานยาริสเพอร์ริโดน เป็นยาต้นตำรับเม็ดละ 58 บาท ต้องทาน 2 เม็ด ตกวันละ 116 บาท/คน เฉลี่ยปีละ 42,340 บาท/ คน แต่ขณะนี้ยาชนิดนี้หมดอายุสิทธิบัตรลงแล้ว ส่งผลให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) สามารถผิดยาชนิดนี้เองได้ ซึ่งจะทำให้ราคายาถูกลงเหลือเม็ดละ 4 บาท ตกวันละ 8 บาท/คน ปีละไม่เกิน 2,920 บาท/ คน
“สปสช. ให้ความสำคัญกับผู้ป่วยโรคเรื้อรังอย่างมาก เพราะเป็นโรคที่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสูง และบางโรคส่งผลกระทบก่อให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมาได้อีกหลายโรค อาทิ โรคเบาหวาน โรคไต โรคหัวใจ เป็นต้น เพื่อเป็นการควบคุมและป้องกันโรค สปสช. จึงต้องเพิ่มกองทุนโรคเฉพาะทางให้ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการจัดตั้งกองทุนได้จัดตั้งกองทุนโรคเรื้อรัง แยกงบประมาณออกมาจากงบเหมาจ่ายรายหัว เพื่อให้มีงบประมาณที่ชัดเจน ส่งผลให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาได้มากขึ้น” นพ.วินัย กล่าว
นพ.วินัย กล่าวว่า สำหรับปีงบประมาณ 2554 สปสช. ได้เสนอของบประมาณดังนี้ 1.งบเหมาจ่ายรายหัว 2,814.75 บาทต่อคน เพิ่มจากปี 2553 จำนวน 413.42 บาท 2.งบบริการผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยเอดส์ 3,8400.27 ล้านบาท 3.งบบริการผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง 4,097.55 ล้านบาท 4.งบควบคุมป้องกันรักษาโรคเรื้อรัง 1,162.99 ล้านบาท และ 5. งบบริการสุขภาพผู้ป่วยจิตเวช 528.26 ล้านบาท รวม 5 กองทุน เป็นเงินทั้งสิ้น 144,287.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2553 เป็นเงิน 26,318.45 ล้านบาท ครอบคลุมประชากร 47.99 ล้านคน
ด้าน นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การดูแลผู้ป่วยจิตเวชในประเทศไทย แม้ว่าสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้นกว่าเดิมแต่มีอีกหลายประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญและแก้ปัญหาให้ทันต่อสถานการณ์ ประการแรกคือ ทัศนคติของคนในสังคม ซึ่งเป็นปัญหาที่หยั่งลึกในสังคมมานานคนมีปัญหาทางสุขภาพจิตจึงถูกตีตราว่าบ้าไปหมด 2.ระบบการรักษา ซึ่งปัจจุบันประกันสุขภาพไม่ครอบคลุมถึงสุขภาพจิต หรือถูกจัดลำดับความสำคัญไว้ท้ายสุด เพราะมองว่าไม่ได้เป็นโรครุนแรง 3.สถานพยาบาล แม้ว่าจะมีจำนวนมากขึ้นในโรงพยาบาลศูนย์แต่ก็ยังไม่เพียงพอเพราะปัจจุบันมีอยู่ในโรงพยาบาลเพียง 40 แห่งทั่วประเทศเท่านั้น
นพ.อรรถพล กล่าวว่า 4.บุคลากร จำเป็นต้องมีการวางแผนผลิตจิตแพทย์เพิ่มมากกว่านี้ ซึ่งปัจจุบันสามารถผลิตจิตแพทย์ได้เพียงปีละไม่ถึง 30 คนเท่านั้น และมีแพทย์ทั่วประเทศเพียง 500 5. การสร้างองค์ความรู้ โดยที่ผ่านมา การสร้างความรู้ว่า สุขภาพจิตที่ดี คือ ความสุข คือความสามารถในการจัดการความทุกข์ได้ ยังไม่มีการทำอย่างจริงจัง