- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- เล็งจัดเวทีไกล่เกลี่ยภาคปชช-ตัวแทนกลุ่มวิชาชีพแพทย์ พยาบาล
เล็งจัดเวทีไกล่เกลี่ยภาคปชช-ตัวแทนกลุ่มวิชาชีพแพทย์ พยาบาล
นายกฯ ย้ำเจตนารมณ์กม.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข น่าจะหาข้อยุติร่วมกันได้ โดยไม่จำเป็นที่ต้องแสดงออกในทางรุนแรง ยันข้อห่วงใยภาระกองทุนฯ กับองค์ประกอบของคณะกรรมการ รัฐบาลยินดีรับฟัง
วันนี้ (30 ก.ค.) เวลา 15.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการบริหารแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีความเห็นให้รัฐบาลถอนร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ... ชั่วคราว ซึ่งระหว่างนี้จะออกมาเคลื่อนไหวโดยการแต่งชุดดำ ว่า รัฐบาลรับทราบถึงข้อห่วงใยของกลุ่มวิชาชีพแล้ว โดยมีตัวแทนเข้าหารือกับตนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และเห็นตรงกันว่าเจตนารมณ์ของกฎหมายฉบับนี้เป็นเจตนารมณ์ที่ดี คือพยายามสร้างกระบวนการไกล่เกลี่ยไม่ให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง แต่ทางกลุ่มวิชาชีพติดใจรายละเอียดในบางมาตรา ซึ่งมีความเห็นว่าสวนทางกับเจตนารมณ์ ตนจึงได้เอาประเด็นเหล่านี้และเตรียมนัดกลุ่มที่เห็นด้วยกับร่างที่เป็นอยู่มาดูว่าจะสามารถปรับเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะเป็นไปตามเจตนารมณ์ที่กลุ่มวิชาชีพยอมรับหรือไม่
“นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล ทราบดีอยู่แล้วว่า ขณะนี้เป็นประเด็นที่มีความละเอียดอ่อน เพราะฉะนั้นการเดินหน้าต่อไป จะต้องฟังเสียงจากทุกฝ่าย และยังเชื่อด้วยว่า เมื่อได้คุยกับฝ่ายอื่นๆ แล้วก็น่าจะมีแนวทางที่จะปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถที่จะพอใจได้ แต่การเคลื่อนไหวก็เป็นสิทธิ์ เพียงแต่ไม่อยากให้แต่งดำ เพราะกลัวคนไข้เขาถือ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้กลุ่มวิชาชีพออกมาคัดค้านการออกกฎหมายฉบับดังกล่าวแล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตัวแทนมาคุยกันแล้วและเห็นตรงกันว่าเจตนารมณ์ของกฎหมายไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี แต่ตัวเนื้อหาสะท้อนเจตนารมณ์หรือไม่ มีรายละเอียดมุมมองที่แตกต่างกันก็จะต้องมาคุยกัน
เมื่อถามว่า จะเปิดเวทีให้ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยกันหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะต้องมีเวที ซึ่งในส่วนของตนก็จะฟังอีกด้านหนึ่ง คือกลุ่มที่เห็นด้วย ทางวิปฯ ก็พร้อมจะจัดเวทีให้ ซึ่งยังไม่จำเป็นต้องถอนร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวออกมา ถ้ามีปัญหาก่อนรัฐบาลก็ไม่เลื่อนขึ้นมาพิจารณา
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีบุคลากรบางคนระบุว่าจะลาออกจากการเป็นแพทย์และพยาบาล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น เพราะเจตนาของกฎหมายคนละเรื่อง เจตนาของกฎหมายเป็นผลพวงมาจากในระยะหลังมีการฟ้องร้องตัวบุคคลที่เป็นหมอ ซึ่งบางกรณี เช่น ที่เกิดขึ้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช กระทบขวัญกำลังใจมาก เราก็ต้องการสร้างกระบวนการอื่นเข้ามาโดยเปิดช่องทางให้ผู้ที่คิดว่า ได้รับความเสียหายมาเรียกร้องจากกองทุนที่เป็นส่วนกลาง จะได้ไม่ต้องกระทบกระเทือนต่อตัวบุคคล และนำไปสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย เพียงแต่เวลาอ่านกฎหมายอาจจะเข้าใจไม่เหมือนกัน และอาจจะไปคาดการณ์ไม่เหมือนกัน ว่าถ้ากฎหมายเขียนอย่างนี้ผลจะเป็นอย่างไร ก็ต้องมาคุยกัน ไม่มีความจำเป็นที่ต้องขัดแย้งอะไรกันรุนแรง
และเมื่อถามว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจผิดหรือไม่ เพราะความเสียหายนั้นมาจากกองทุน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแพทย์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราจะไปตัดสิทธิการฟ้องร้องไม่ได้ ซึ่งแพทย์มีความห่วงใยตรงนี้ รวมทั้งมีความห่วงใยในเรื่องของภาระที่จะเกิดขึ้นกับกองทุนฯ ทั้งหมดเรายินดีรับฟัง และที่เขาห่วงเป็นพิเศษคือองค์ประกอบของคณะกรรมการตามกฎหมายไม่มีตัวแทนของเขา ตรงนี้ตนยืนยันว่าต้องแก้จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาขัดแย้งกันรุนแรง อยู่ในวิสัยที่จะพูดคุยกันได้ และอยากให้เป็นแบบอย่างว่าเป็นวิชาชีพชั้นสูง น่าจะหาข้อยุติร่วมกันได้โดยไม่จำเป็นที่ต้องแสดงออกในทางรุนแรง รัฐบาลรับฟังอยู่แล้ว ทั้งภาคประชาชนและภาควิชาชีพ