- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- มติสมัชชาสุขภาพฯ ชูประเด็นร้อนส่งต่อรัฐบาล
มติสมัชชาสุขภาพฯ ชูประเด็นร้อนส่งต่อรัฐบาล
เวทีสมัชชาสุขภาพฯ ตลอด 3 วัน ลงมติรับรอง 9 ระเบียบวาระ ทั้ง ‘มาตรการท้องไม่พร้อม’ เสนอมาตรการให้ทุกหน่วยงานร่วมแก้ไข ประกาศให้สังคมไทยไร้ ‘แร่ใยหิน’ ในปี 2555 ส่วน ‘เมดิคัลฮับ’ ให้บีโอไอทำตามธรรมนูญสุขภาพแห่งชาติ 2552 ก่อนเสนอคณะกรรมการสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ปลายเดือนนี้ ส่งต่อให้ครม.
วันที่ 17 ธันวาคม 2553 งานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 3 ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ ถ.ราชดำเนิน กรุงเทพฯ รศ.ดร.ชื่นฤทัย กาญจนะจิตรา ประธานกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 3 รศ.ดร.ดรุณี รุจกรกานต์ รองประธานคณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 3 ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการดำเนินการประชุมคณะที่ 1 ผศ.ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ รองประธานคณะอนุกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 3 ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการดำเนินการประชุมคณะที่ 2 และนายแพทย์อำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ร่วมแถงข่าว
รศ.ดร.ชื่นฤทัย กล่าวถึงภาพรวมการประชุมสมัชชาสุขภาพครั้งที่ 3 ว่า ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย โดยสรุปมติการประชุมตลอด 3 วันที่ผ่านมามีประเด็นที่ได้รับการคัดเลือกเข้าสู่เวทีสมัชชาสุขภาพฯ ครั้งนี้จำนวน 9 ประเด็น และประเด็นเร่งด่วนที่เสนอเข้าสู่เวทีสมัชชาฯ อีก 1 ประเด็น รวมเป็น 10 ประเด็น คือ 1. ร่วมฝ่าวิกฤติความไม่เป็นธรรมนำสังคมสู่สุขภาวะ 2.การควบคุมกลยุทธ์การตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก 3.ความเป็นธรรมในการเข้าถึงบริการสุขภาพของคนพิการ 4.การแก้ไขปัญหาวัยรุ่นไทยกับการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม 5.มาตรการทำให้สังคมไทยไร้แร่ใยหิน 6.มาตรการในการควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพด้านยาสูบ 7.นโยบายสนับสนุนพื้นที่จัดการตนเองเพื่อสังคมสุขภาวะ 8.นโยบายการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ 9.รายงานความก้าวหน้าในการติดตามการดำเนินงานตามมติสมัชชาที่ผ่านมา และ 10.การป้องกันผลกระทบต่อสุขภาวะจากการค้าเสรีระหว่างประเทศ (FTA) ซึ่งเป็นวาระเร่งด่วนที่ถูกนำเข้าสู่การพิจารณาครั้งนี้
รศ.ดร.ดรุณี กล่าวถึงประเด็นที่เสนอเข้ามาพิจารณาในห้องประชุมคณะที่ 1 โดยเฉพาะนโยบายการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่คณะทำงานเสนอ โดยเสนอให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชน และประชาชนให้ข้อมูลผลกระทบทั้งด้านบวก-ลบ และความเป็นไปได้ในการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ และให้บีโอไอดำเนินการตามรัฐธรรมนูญว่าด้วยสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2552 ข้อ 51
ส่วนการแก้ปัญหาวัยรุ่นไทยกับการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม ประคณะอนุกรรมการดำเนินการประชุมคณะที่ 1 กล่าวว่า ส่วนใหญ่มีมติเห็นชอบไปในทิศทางตามที่คณะทำงานเสนอคือ ให้ภาครัฐและเอกชนร่วมกันจัดตั้งกลไกในการดำเนินการแปลงนโยบายการพัฒนาอนามัยเจริญพันธุ์แห่งชาติและยุทธศาสตร์ป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กตั้งครรภ์ไม่พร้อมสู่แผนปฏิบัติที่ชัดเจนและอื่นๆ ภายในปี 2554 มุ่งให้เกิดกลไกขับเคลื่อนในระดับจังหวัด ให้กระทรวงศึกษาธิการ ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ และภาคเอกชนให้การศึกษาพัฒนาหลักสูตรเกี่ยวกับเพศศึกษา และมีทัศนคติที่ถูกต้องแก่เด็กและครูผู้สอนเพศศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้การสนับสนุนแผนเสริมสร้างสุขภาวะทางเพศในแผนชุมชน สำหรับสมาชิกสมัชชาสุขภาพแห่งชาติก็จะให้ความร่วมมือในการร่วมดำเนินงานกับทุกฝ่ายและร่วมกันผลักดันร่างพรบ.คุ้มครองอนามัยการเจริญพันธุ์ฯ ให้ประกาศใช้ภายในปี 2555
ขณะที่ ผศ.ดร.สุปรีดา กล่าวถึงมาตรการทำให้สังคมไทยไร้แร่ใยหินว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการการดำเนินการประชุมคณะที่ 2 มีมติเห็นชอบให้กระทรวงการคลังพิจารณายกเลิกการใช้แร่ใยหิน และให้ใช้สารทดแทนที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และให้สำนักนายกรัฐมนตรีปรับเพิ่มเกณฑ์ในระเบียบเดิม เรื่องการก่อสร้างอาคารของส่วนราชการ โดยกำหนดไม่ให้ใช้วัสดุที่มีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบในการก่อสร้างอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สังคมไทยไร้แร่ใยหินภายในปี 2555
นายแพทย์อำพล กล่าวด้วยว่า มติในทุกๆ ประเด็นที่ผ่านสมัชชาสุขภาพแหงชาติครั้งที่ 3 นี้ คณะกรรมการสมัชชาสุขภาพแห่งชาติจะสรุปเนื้อหาทั้งหมดรายงานต่อคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ในวันที่ 24 ธันวาคม 2553 นี้ เพื่อพิจารณาและนำส่งคณะรัฐมนตรีได้พิจารณารับรองต่อไป