- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ชี้โจทย์ใหญ่ปฏิรูปกองทัพ ต้องปฏิรูปการเมืองอย่างคู่ขนาน
ชี้โจทย์ใหญ่ปฏิรูปกองทัพ ต้องปฏิรูปการเมืองอย่างคู่ขนาน
"พล.อ.เอกชัย" ระบุ 4 ปีผ่านไปการเมืองยังไม่ดีขึ้น ยันกระแสรัฐประหารยังอยู่ 19 ก.ย. 49 อาจไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ขณะที่ “สุรชาติ บำรุงสุข” ชี้เหตุการณ์ 19 ก.ย. เป็นตัวอย่างที่เห็นชัด คนไทยไม่เคยรู้สึกทางลบกับรัฐประหาร เชื่อการเรียกใช้ทหาร จะเป็นอาการไม่สิ้นสุดในสังคมไทย
วันนี้ (19 ก.ย.) เวลา 10 .00 น. สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยร่วมกับสถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย จัดราชดำเนินเสวนาโครงการร่วมปฏิรูปประเทศไทย ครั้งที่ 12/2553 เรื่อง “19กันยา...4 ปี กับการปฏิรูปกองทัพไทย ” ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยมี พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า , รศ.ดร. สุรชาติ บำรุงสุข คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ,ดร.ชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมเป็นวิทยากร ดำเนินรายการโดย นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ ที่ปรึกษาฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ สมาคมนักข่าวฯ
พล.อ.เอกชัย กล่าวถึงกองทัพไทยยังมีความเป็นอนุรักษ์นิยม เพราะยังทำหน้าที่สำคัญ คือ การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ กับการปกป้องอธิปไตยของประเทศ แต่ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาของการทำรัฐประหาร มีผลกระทบกองทัพ คือ การมี พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งทำให้กองทัพปั่นป่วน โดยเฉพาะ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ทำให้กองทัพต้องปฏิบัติในบางเรื่องที่ไม่เคยปฏิบัติ จากเดิมกองทัพทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของตำรวจ ต้องมาประจันหน้ากับประชาชนทุกฝ่าย "
“หลังเกิดรัฐประหาร 4 ปีที่ผ่านมา มีงานวิจัย พบว่า กองทัพเข้าไปเกี่ยวข้องกับการพาณิชย์น้อยลง แต่เข้าไปอยู่ในระบอบรัฐสภา หลังจากเกษียณแล้วมากขึ้น นอกจากนั้น ทหารเข้ามาเกี่ยวข้องการทำรัฐประหารล้มล้างรัฐธรรมนูญมากขึ้น จะเห็นว่า ปี 2549 น่าจะเป็นครั้งสุดท้าย แต่กระแสยังคงมีอยู่ และไม่สามารถทำให้การเมืองดีขึ้นได้”
พล.อ.เอกชัย กล่าวว่า ก่อนปี 2549 กองทัพเคยมีความขัดแย้ง แต่เป็นเพียงความขัดแย้งระหว่างบุคคล ขัดแย้งระหว่างรุ่นน้อยมาก แต่เมื่อเกิดรัฐประหาร 4 ปีที่ผ่านมาพบว่า ความขัดแย้งแผ่ขยายชนิดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการปฏิรูปกองทัพที่จะต้องทำมากที่สุด คือ สังคายนาเรื่องอาวุธ คน ยุทโธปกรณ์ทั้งหมด ต้องปฏิรูป และอีกส่วนหนึ่ง คือ บทบาทกองทัพต้องไม่ทำงานเพียแค่ตามแนวชายแดน แต่ต้องมีบทบาททำงานในศูนย์กลางของธุรกิจ เมืองใหญ่ ทหารต้องทำหน้าที่หลายอย่าง มากกว่าการรบ ทั้งเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศ เพราะจะมีการกระทบกระทั่งมากขึ้นในอนาคต
ด้าน ดร.ชลิดาภรณ์ กล่าวถึงบทบาทกองทัพกับการใช้ความรุนแรงในสถานการณ์ขัดแย้งทางการเมืองนั้นมีมานาน อย่างที่เห็น กองทัพมีบทบาทใหญ่ในการจัดการสถานการณ์ความขัดแย้ง ใช้กำลังกระชับพื้นที่ ผล คือสังคมการเมืองได้เห็นปรากฎการณ์ที่ทหารเลือกข้าง คนไทยส่วนหนึ่งมองว่า เป็นแตงโมลูกยักษ์ เป็นต้น
“ ความเหลื่อมล้ำในกองทัพเรื่องกำลังคนจากการเกณฑ์ทหาร ระบบการเกณฑ์ทหารไม่ทำงานในชนชั้นกลางขึ้นไปเพราะฉะนั้น คนที่ผลัดเปลี่ยนมาให้ใช้ คือ คนชนชั้นล่างทั้งสิ้นในสภาพที่มีการแบ่งชัดเจนระหว่างทหารสัญญาบัตร และชั้นประทวน ไม่ต่างกับการเมืองสังคมภายนอก ระหว่างคนในชนบทและคนในเมือง ในกองทัพก็ยังมีประเด็นนี้อยู่เวลาพูดถึงการปฏิรูปกองทัพ”
ดร.ชลิดาภรณ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้สังคมไทยผ่านสถานการณ์ความรุนแรง สังคมไทยต้องการการเยียวยา แล้วกองทัพจะอยู่ตรงไหนของกระบวนการปรองดอง ซึ่งโจทย์ในวันนี้ไม่ใช่ คนในกองทัพพูดฝ่ายเดียว แต่สังคมไทยน่าจะจูงคนในกองทัพมาปรองดองร่วมกันเพื่อให้ประชาชน ให้สังคม การเมือง อยู่ร่วมกัน
ส่วน รศ.ดร.สุรชาติ กล่าวว่า เหตุการณ์ 19 ก.ย. เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า คนไทยคิดอย่างไร กับทหารและการเมือง เพราะคนไทยไม่เคยรู้สึกทางลบกับรัฐประหาร เข้าใจว่า ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะคิดว่าหากการเมืองตัน ให้ทหารมาช่วยแก้ เหมือนเป็นเทศบาล มาล้างท่อพลเมืองจะรู้สึกหมดหน้าที่ การเรียกทหารให้ทำเช่นนี้ เป็นอาการไม่สิ้นสุดในสังคมไทย
“สิ่งสำคัญ ปัญญาชนไม่ได้ทำหน้าที่หาทางออกให้กับคนในบ้านเมือง อีกทั้งสร้างปัญหาตกค้างใหญ่ ในอดีตรัฐประหารเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการแก้ไขความขัดแย้งของชนชั้นนำและทหาร เพราะถูกนำมาใช้จัดการ เพื่อหวังล้างไพ่หรือล้มกระดาน เกิดการเมืองที่เริ่มต้นใหม่ภายใต้การดูแลของทหารแล้วจะเกิดเสถียรภาพ แต่ปรากฏการณ์นั้นไม่มีในปี 2549 สัญญาณที่น่าสนใจ คือการต่อต้านรัฐประหารเกิดในชนชั้นล่าง ไม่เกิดในชนชั้นปัญญาชน”
รศ.ดร.สุรชาติ กล่าวว่า ต้องยอมรับรัฐประหารที่เกิดขึ้นทั่วโลกเป็นกลไกทำลายสายบังคับบัญชาในกองทัพทั้งหมด ทั้ง การเลื่อนยศ การปรับย้ายอย่างไม่มีหลักเกณฑ์ คำถามสำคัญ 1.ปัญหาใหญ่ที่ยังเหลืออยู่ คือ การสร้างทหารอาชีพจะสร้างอย่างไร 2.การปฏิรูปกองทัพ ทั้งในมิติทหารและการเมือง3.ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำกองทัพและผู้นำรัฐบาล 4.ในอนาคต จะทำอย่างไรให้เป็นประชาธิปไตยคู่ขนาน
“ถ้าต้องปฏิรูปการเมือง ต้องปฏิรูปกองทัพอย่างคู่ขนานกัน ไม่เช่นนั้น ฝาแฝดอิน-จัน คู่นี้ไม่เกิด ซึ่งอาจจะยังเป็นโจทย์ใหญ่ที่หาหมอผ่าตัดไม่ได้ด้วย”