- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ป.ป.ช.เล็งเสนอครม.ห้ามตั้งขรก.ระดับสูงนั่งบอร์ดรสก.เกิน 3 แห่ง
ป.ป.ช.เล็งเสนอครม.ห้ามตั้งขรก.ระดับสูงนั่งบอร์ดรสก.เกิน 3 แห่ง
“กล้านรงค์” เผยมาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง ที่ ป.ป.ช. เล็งเสนอค.ร.ม. แบ่งเป็น 2 ระยะ คือมาตรการระยะสั้น-ระยะยาว พร้อมแผนบูรณาการป้องกันทุจริตของโครงการรัฐ หวังป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน
วันที่ 4 พฤศจิกายน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นำโดยนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. นายกล้านรงค์ จันทิก และ ศ.ภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. แถลงข่าวเรื่อง มาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง หรือบุคคลดำรงตำแหน่งกรรมการในรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง และเรื่องการบูรณาการป้องกันการทุจริตของโครงการภาครัฐ ณ อาคารสำนักงาน ป.ป.ช. ย่านสนามบินน้ำ จังหวัดนนทบุรี เพื่อเปิดเผยผลการติดตามและดำเนินการเกี่ยวกับมาตรการป้องกันการทุจริตในรัฐวิสาหกิจ
นายปานเทพ กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินงานเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันการทุจริตในรัฐวิสาหกิจ ว่า หลังจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. รับเรื่องร้องเรียนข้าราชการการระดับสูงดำรงตำแหน่งกรรมการในรัฐวิสาหกิจเกินกว่า 3 แห่ง ซึ่งเป็นการไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2523 และขัดต่อ พ.ร.บ. มาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งข้อร้องเรียนเกี่ยวกับระเบียบข้อบังคับฯ ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติราชการ โดยเฉพาะการเดินทางไปต่างประเทศ ที่กำหนดให้คู่สมรส หรือผู้ที่ติดตามที่ไม่ให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานร่วมเดินทางไปด้วย โดยสามารถเบิกค่าใช้จ่ายจากหน่วยงานต้นสังกัดได้ นับเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องหรือมีการบิดผันการใช้อำนาจ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงได้พิจารณา และเห็นสมควรเสนอมาตรการ หรือข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้มีการปรับปรุงแก้ไขการปฏิบัติราชการ เพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตตามนัยมาตรา 19 (8) แห่ง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542
นายกล้านรงค์ กล่าวว่า มาตรการที่ทาง ป.ป.ช. จะเสนอต่อ ค.ร.ม. แบ่งออกเป็นมาตรการระยะสั้น และระยะยาว โดยมาตรการระยะสั้น 5 ข้อ ประกอบด้วย 1.ห้ามแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง เป็นผู้ถือหุ้นในรัฐวิสาหกิจ เกินกว่า 3 แห่ง เนื่องจากส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานในตำแหน่งหน้าที่ราชการ 2. ห้ามแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงในส่วนราชการหรือหน่วยงานรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ควบ คุม กำกับ ทั้งด้านนโยบายและด้านการปฏิบัติ เป็นประธานกรรมการในรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากเป็นการทับซ้อนในการปฏิบัติหน้าที่ จึงไม่น่าจะเกิดผลดี 3. ห้ามแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐในองค์กรตาม รธน. พ.ศ. 2550 หมวดที่ 11 ซึ่ง มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบและดำเนินคดี เป็นประธานกรรมการหรือกรรมการในรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ เพราะต้องตรวจสอบตนเอง หรือพวกเดียวกัน 4. ให้กระทรวงการคลังศึกษาทบทวน ปรับปรุงกระบวนการ วิธีการสรรหาคัดเลือก และจัดทำบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ หรือกรรมการรัฐวิสาหกิจ ให้มีสัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารอย่างแท้จริง 5. กำหนดหลักเกณฑ์การเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติราชการ โดย ห้ามเบิกจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พัก หรือค่าใช้จ่ายอื่นใดให้แก่คู่สมรสหรือผู้ติดตามที่มิได้เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ ปฏิบัติงานในรัฐวิสาหกิจ
ส่วนมาตรการระยะยาวนั้น นายกล้านรงค์ กล่าวว่า มี 3 ข้อ คือ 1. ให้ศึกษา ทบทวน วิเคราะห์บทบาทหน้าที่ของผู้คุมกฎ และผู้ปฏิบัติของหน่วยงานทั้งหมด เพื่อประโยชน์ในการจัดตั้งและแยกอำนาจหน้าที่ออกจากกันได้อย่างชัดเจน 2. กำหนดให้มีกลไกทางสังคมที่ชัดเจนในการตรวจสอบการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ 3. ควรแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. มาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518 อาทิ ม. 8 วรรค 2 เรื่องวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการรัฐวิสาหกิจ และ ม. 12/1 วรรคแรก เรื่องการแต่งตั้งบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการที่กระทรวงการคลังจัดทำขึ้น
ขณะที่ ศ.ภักดี กล่าวถึงการบูรณาการป้องกันทุจริตของโครงการรัฐว่า ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเสนอแนวทาง ‘การบูรณาการติดตามประเมินผลเพื่อป้องกันทุจริตของโครงการภาครัฐ’ เพื่อเป็นการเพิ่มข้อคำนึงแก่การพิจารณา กำกับ ตรวจสอบโครงการให้ครอบคลุมและมีผลต่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริตโครงการ ภาครัฐมากขึ้น
“การดำเนินงานตามแนวคิดดังกล่าว ต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินงานใน 3 ขั้น ตอน ดังนี้ ขั้นตอนแรก การประเมินผลโครงการในระดับต้นน้ำ (ก่อนดำเนินการ) เพื่อประเมินความเสี่ยงและเสนอแนะแผนบริหารความเสี่ยงต่อการทุจริต ขั้นตอนที่สอง หน่วยงานที่กำกับตรวจสอบจะต้องตรวจว่ามีการดำเนินโครงการไปตามเป้าหมายหรือ ไม่ ขั้นตอนสุดท้าย ประเมินผลในภาพรวม ทั้งในส่วนของพฤติกรรมการดำเนินโครงการ และพฤติกรรมอื่นๆ ว่ามีระดับคุณธรรมในการดำเนินงานอย่างไร”