- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- เครือข่ายผู้พิการเสนอ 3 แนวทาง แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม
เครือข่ายผู้พิการเสนอ 3 แนวทาง แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม
เครือข่ายผู้พิการเพื่อการปฏิรูปฯเตรียมเสนอ 3 แนวทาง แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม ดีเดย์ 3 ธ.ค.วันคนพิการ หวังขจัดการเลือกปฏิบัติ "ต่อพงษ์ เสลานนท์" จี้แก้ไขงบฯ คลัง พร้อมกับการจัดตั้งกองทุนเพื่อคนพิการอย่างจริงจัง
นายต่อพงษ์ เสลานนท์ กรรมการสมัชชาปฏิรูป และเลขานุการคณะกรรมการเครือข่ายผู้พิการเพื่อการปฏิรูป กล่าวถึงความคืบหน้าการทำงานของเครือข่ายผู้พิการเพื่อการปฏิรูป ที่มีนายวิริยะ นามศิริพงศ์พันธ์ กรรมการปฏิรูป เป็นประธาน ซึ่งในส่วนของสมัชชาปฏิรูป และกรรมการปฏิรูปเพื่อคนพิการ ทั้ง 2 ชุด ได้รวมตัวกันเพื่อเสนอแนวทางการแก้ปัญหา เป็นการทำงานแบบ 2 ทาง ซึ่งที่ผ่านการทำงานได้มีการร่วมมือกันมาตลอด อีกทั้งรวบรวมปัญหาจากกลุ่มเครือข่ายที่มีการเคลื่อนไหวทางสังคมส่งเรื่องมาที่คณะกรรมการปฏิรูป ก่อนส่งกลับมายังเครือข่ายสมัชชาฯ อีกครั้ว
“สำหรับประเด็นที่เกี่ยวกับคนพิการนั้น ได้มีการหยิบยกขึ้นมาพิจารณา เพื่อให้คนพิการได้รับรู้นโยบายที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง การทำงานแบบนี้จะทำให้คนพิการรับรู้เรื่องราวทั้งหมด” นายต่อพงษ์ กล่าว และว่า การทำงานของคณะกรรมการปฏิรูปทั้ง 2 ชุด มีระยะเวลาการทำงาน 3 ปี ดังนั้นประเด็นที่จะถูกหยิบยกขึ้นมาจะต้องสามารถแชร์กับคนในสังคมได้ด้วย ไม่เฉพาะคนพิการอย่างเดียว
กรรมการสมัชชาปฏิรูป กล่าวถึงปัญหาของผู้พิการมีอยู่ 3 เรื่อง คือ 1.ทำอย่างไรให้สังคมที่ปราศจากอุปสรรค (barrier-free Society) ไม่มีเงื่อนไขที่เกิดขึ้นภายในสังคมที่มนุษย์สร้างขึ้นมาและไม่ได้สร้าง ซึ่งกลายเป็นอุปสรรคต่อคนพิการ ถ้าสามารถทำลายอุปสรรคที่เกิดขึ้นได้ สังคมก็จะมีความเท่าเทียมกัน เนื่องจากในอนาคตเรากำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ สิ่งที่ตามมา คือ ปัญหาการดำรงอยู่ มีอุปสรรคทางกายภาค เช่น การมองเห็นจะลดลง หูก็จะได้ยินลดลง แขนขาก็จะเคลื่อนไหวได้น้องลง เป็นต้น
แนวคิดเรื่องสังคมที่ปราศจากอุปสรรค นายต่อพงษ์ กล่าวว่า เป็นการเตรียมความพร้อมรองรับของคนในสังคม ที่อนาคตอาจจะมีข้อบกพร่องเกิดขึ้นเนื่องจากความชรา หรือโรคภัยไข้เจ็บ รวมถึงอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดข้อบกพร่องต่อการดำรงชีวิตอยู่ ยกตัวอย่าง หากคนปกติในประเทศไทยที่ต้องเดินทางไปประเทศอูกันดา โดยไม่สามารถสื่อสารภาษาอุกันดาได้ ก็จะกลายเป็นคนที่มีข้อบกพร่องในการเรียนรู้เกิดขึ้น ดังนั้นหากมีการทำลายอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากสังคม ทั้งที่บุคคลนั้นไม่มีความพิการเลย
นายต่อพงษ์ กล่าวอีกว่า บางครั้งความพิการเป็นเรื่องที่ถูกสังคมยัดเยียดให้ ดังนั้นแนวทางการดำเนินงานจึงต้องขจัดเรื่องพวกนี้ให้หมด เพื่อทุกคนจะได้อยู่ร่วมกันแบบเท่าเทียมกัน ยกตัวอย่างเรื่องการต่อสู้เรื่องรถเมล์ 4,000 คัน เครือข่ายคนพิการต่อสู้ให้บริการสาธารณะเอื้อประโยชน์ให้คนในสังคม เช่น ทางขึ้นรถเมล์ไม่ควรจะสูงเกินไป เพราะคนแก่จะก้าวขึ้นลำบาก หรือผู้พิการที่ต้องใช้รถวิวแชร์คงไม่สามารถใช้บริการได้ โดยเครือข่ายคนพิการไม่ได้ขัดขวางการจัดหารถเมล์ หรือนำประเด็นด้านคอร์รัปชั่นมาต่อสู้ แต่ต้องการให้คนที่เกี่ยวข้องในสังคม มองเห็นปัญหาเพื่อขจัดอุปสรรคที่เกิดขึ้น เมื่อปัญหาได้รับการแก้ไขสังคมก็จะไม่มีความพิการเกิดขึ้น
“2.การขจัดการเลือกปฏิบัติต่อคนพิการ ซึ่งทางเครือข่ายคนพิการ กำลังจะผลักดันให้มีการออกกฎหมาย ไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติต่อบุคคลทั่วไป ที่ต้องออกเป็นกฎหมายเพื่อกลไกต่างๆ เอื้อต่อการใช้ชีวิตของคนพิการ เพราะการดำเนินชีวิตของคนพิการในสังคม ที่มักจะถูกข้อห้ามต่างๆ ขวางกั้นต่อการดำรงชีวิตทั่วไป เช่น ผู้พิการทางสายตา ไม่สามารถเปิดบัญชีธนาคารพาณิชย์ เพราะเกรงว่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับตัวเลขในบัญชี การเปิดบัญชีธนาคารจะต้องมีบุคคลที่ 3 มาเป็นพยาน เพื่อยืนยันข้อมูลทางบัญชี ทำให้คนพิการไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้”กรรมการสมัชชาปฏิรูป กล่าว และว่า โดยเฉพาะธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ พนักงานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งควรเป็นตัวอย่างที่ทำให้ธนาคารอื่นดำเนินการตาม แต่กลับทำให้เกิดปัญหาต่อผู้พิการอย่างมาก ซึ่งข้อห้ามที่กำหนดขึ้น เกี่ยวกับตัวเลขที่เป็นอุปสรรคของคนปกติ ขณะเดียวกัน ผู้พิการไม่ได้มีปัญหาในส่วนนั้น เพราะคนพิการจะมีวิธีการตรวจตัวเลขในบัญชีของตัวเองอยู่แล้ว
สำหรับข้อเสนอข้อที่ 3 นายต่อพงษ์ กล่าวว่า ทาง เครือข่ายฯ เสนอให้มีการปฏิรูปการเงิน การคลังและงบประมาณการ ดำเนินงานปกติของรัฐบาลมีการใช้งบประมาณจำนวนมากอยู่แล้ว แต่การดำเนินงานในภาคสังคม โดยเฉพาะในส่วนของผู้พิการ มักจะถูกละเลยเสมอ ซึ่งคณะทำงานต้องการให้มีการกำหนดเงินกองทุนเพื่อคนพิการและด้อยโอกาส เป็นสัดส่วนที่ชัดเจนในงบประมาณของรัฐบาล เช่นเดียวกับการจัดทำงบประมาณในส่วนต่างๆที่มีการระบุวงเงินเอาไว้ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลยังไม่เคยจัดสรรงบประมาณให้กับผู้พิการ
ขณะเดียวกันภาคสังคมที่ทำงานด้านนี้นั้น กรรมการสมัชชาปฏิรูป กล่าวว่า ก็จะมีปัญหาในการหารายได้สนับสนุนในการทำงานให้กับกลุ่มคนที่พิการ ดังนั้น กองทุนที่ทางเครือข่ายฯจะผลักดัน คือ ต้องการให้เป็นกลไกในการขับเคลื่อนช่วยเหลือภาคสังคมที่ทำงานทางด้านนี้ ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ถือเป็นหน่วยงานหลัก มีข้าราชการเพียง8,000-9,000 คน ต้องมีเครือข่ายเพื่อช่วยในการทำงานด้วย ซึ่งเครือข่ายภาคประชาชนจะเป็นกลไกหลักสำคัญที่จะช่วยให้แผนงานสามารถดำเนินการไปได้
นายต่อพงษ์ กล่าวด้วยว่า วันคนพิการ ในวันที่ 3 ธันวาคม 2553 จะมีการการนำเสนอแผนงานทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ทุกคนในสังคมมีส่วนร่วม ก่อนนำเสนอในเครือข่ายสมัชชาปฏิรูปประมาณวันที่ 20 มีนาคม 2554 โดยการขับเคลื่อนจะเปิดโอกาสให้เครือข่ายองค์กรคนพิการที่มี อยู่กว่า 100 แห่งทั่วประเทศรับรู้แนวทางของคณะกรรมการปฏิรูป และกรรมการสมัชชาปฏิรูป และจะมีการองค์กรร่วมขับเคลื่อนประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมคนพิการแห่งชาติ ที่เป็นหน่วยงานของรัฐ , สภาคนพิการแห่งประเทศไทย , สมัชชาสุภาพเพื่อคนพิการ ที่ทำงานงานด้านวิชาการของคนพิการ รวมถึง วิทยาลัยราชสุดา เป็นต้น