- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- สภาฯ เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.กสทช.ด้วยคะแนน 228 เสียง
สภาฯ เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.กสทช.ด้วยคะแนน 228 เสียง
ลุ้นต่อที่วุฒิสภา “สารี อ๋องสมหวัง” ชี้กฎหมายกสทช.ไม่ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองผู้บริโภค หวั่นองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคตามกฎหมายเดิมจะโดนยุบ ขณะที่ปัญหาด้านโทรคมนาคมในยุคนี้มีการหลวมรวมเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบ ตามร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. .... ที่คณะกรรมาธิการร่วมกันฯพิจารณาเสร็จแล้ว ด้วยคะแนนเห็นชอบ 228 เสียง ไม่เห็นด้วย 2 เสียง งดออกสียง 24 เสียง ไม่ลงคะแนน14 เสียง ทั้งนี้ สมาชิกส่วนใหญ่เห็นด้วยให้มีกรรมการ กสทช. 11 คน ตามที่สภาฯ เห็นชอบ รวมทั้งการตัดผู้แทนที่มาจากหน่วยงานด้านความมั่นคงออกจากการเป็นกรรมการ กสทช.
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อนผู้บริโภค และกรรมการสมัชชาปฏิรูป กล่าวถึงร่างพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่กิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติพ.ศ.... ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้วว่า เป็นกฎหมายไม่ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองผู้บริโภค โดยมีการกำจัดสิทธิของผู้บริโภคลง เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้มีการจัดตั้งอนุคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคแทนของเดิม ที่ได้ดำเนินการจัดตั้งสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) โดยบทบาทในส่วนนี้จะทำให้การทำงานเกี่ยวกับผู้บริโภคลดลง
“คงต้องมีการตีความตามกฎหมายว่า สถาบันฯ จะต้องยุบหรือไม่ เพราะนักกฎหมายบางคนมองว่า ไม่ยุบ แต่บางคนมองว่ายุบเข้าไปเป็นหน่วยงานหนึ่งของกสทช.หรือองค์กรจัดสรรคลื่น ความถี่กิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หากเป็นอย่างนั้น ถามว่าการเข้าไปอยู่ภายใต้การบริหารงานของกสทช.จะสามารถทำหน้าที่ตรวจสอบคณะกรรมการ กสทช.ได้หรือไม่ และปัญหาการคุ้มครองผู้บริโภคจะมีความเป็นอิสระหรือไม่ ”
เลขาธิการสมาพันธ์ผู้บริโภค กล่าวด้วยว่า ปัญหาโทรคมนาคมในประเทศนับวันจะมีจำนวนมากขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีจะเป็นการหลวมรวมเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นภาพ เสียง เนื้อหา ของวิทยุโทรทัศน์และโทรศัพท์ ดังนั้นปัญหาการบริการรูปแบบใหม่ๆ คงเพิ่มมากขึ้น ยกตัวอย่างส่ง เอสเอ็มเอสขยะหรือบริการที่ไม่เป็นธรรมต่างๆที่มากับระบบโทรศัพท์ที่เป็น ปัญหาของผู้บริโภค ซึ่งในเครือข่ายเพื่อผู้บริโภคได้พยายามที่จะต่อสู้และเข้าชี้แจงกับทั้ง 2 สภาฯ ก่อนที่จะออกกฎหมายฉบับนี้ โดยเฉพาะวุฒิสภาไม่ยอมรับฟังปัญหาที่เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค จากผู้แทนเครือข่ายด้านการคุ้มครองเพื่อผู้บริโภคเลย
สำหรับแนวทางการดำเนินการหลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ น.ส.สารี กล่าวว่า คงต้องทำการศึกษาในรายละเอียดของกฎหมาย ส่วนการตั้งคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช. )ขึ้นมาแทนคนที่กำลังจะ หมดวาระนั้นตามกฎหมายเก่านั้น ยังไม่ได้ศึกษาในเรื่องนี้
ด้าน น.ส.รสนา โตสิตระกูล สมาชิกวุฒิสภา กล่าว ถึงร่างกฎหมายของกรรมาธิการร่วมที่ผ่านความเห็นชอบวันนี้ จากนี้ไปหากผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภาแล้ว จะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ก่อนจะมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป จะต้องดูว่ากฎหมายมีผลบังคับใช้เลย ก็คงไม่ต้องเลือก คณะกรรมการ กทช. 3 คน แทนคนเก่าที่หมดวาระลงแล้ว ให้ไปเลือกคณะกรรมการ กสทช.เลย
“แต่หากกฎหมายกำหนดให้ต้องมีกทช.ทำหน้าที่รักษาการไปจนกว่าจะมีกสทช.ก็คงต้องมา ดูว่าจะดำเนินการอย่างไร” น.ส.รสนา กล่าว และว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมากำกับดูแล กิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม จากเดิมที่มีเพียงกทช. โดยกฎหมายฉบับใหม่จะต้องดำเนินการสรรหา กสทช. เมื่อได้กสทช.แล้วจะเข้าไปดำเนินการจะทำแผนแม่บทการใช้คลื่นความถี่ และออกกฎเกณฑ์ต่างๆ ในการควบคุมกำกับดูแลกิจการสื่อสารทุกประเภท