- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- นายกฯเผยปฏิรูปฉบับรัฐบาล มุ่งสร้างอนาคตที่เท่าเทียม-เสมอภาค
นายกฯเผยปฏิรูปฉบับรัฐบาล มุ่งสร้างอนาคตที่เท่าเทียม-เสมอภาค
ใน 4 ด้านหลัก คาดทำเสร็จก่อนสิ้นปีนี้ ทั้งโครงสร้างศก.คำนึงถึงความเป็นธรรม-เสมอภาค –ดูแลค่าครองชีพ-ทบทวนโครงสร้างภาษีครั้งใหญ่ และเรื่องของการเงิน เปิดโอกาสให้ปชช.เข้าถึงแหล่งทุนได้
วันที่ 14 พฤศจิกายน เมื่อเวลา 09.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" เป็นครั้งที่ 94 ผ่านระบบ Tele Presence จากเมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวตอนหนึ่งถึงการดำเนินงานของรัฐบาลตามแผนปรองดองและการปฏิรูปว่า คณะกรรมการบางคณะได้นำข้อเสนอมาแล้ว เช่น เรื่องของการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้รับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ที่ตั้งใจจะเดินหน้าแก้ไขก่อน 2 ประเด็น คาดว่าวันอังคารที่จะถึงนี้จะสามารถที่จะอนุมัติเพื่อนำเสนอต่อรัฐสภาได้ และจะให้ทางคณะกรรมการประสานงานหรือวิปรัฐบาลพิจารณาดูว่าจะสามารถดำเนินการบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระพิจารณารับหลักการก่อนสมัยประชุมนี้จะสิ้นสุดลงปลายเดือนนี้ได้หรือไม่
ในส่วนของงานทางด้านอื่น ๆ นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีความคืบหน้าไปมาก จากการประมวลความคิดเห็นของประชาชน ก็ได้มีการนำเสนอคณะรัฐมนตรีถึงงานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปที่มุ่งในเรื่องของการสร้างอนาคตที่เท่าเทียมและเสมอภาค สำหรับพี่น้องประชาชนคนไทย 4 ด้านหลัก และได้มีการมอบหมายผู้รับผิดชอบไปทำให้เสร็จสิ้นก่อนสิ้นปีนี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า งานด้านแรก เกี่ยวข้องกับโครงสร้างเศรษฐกิจที่จะต้องคำนึงถึงเรื่องของความเป็นธรรม ความเสมอภาค และการจัดทำนโยบายเศรษฐกิจที่ไม่ได้มุ่งในเรื่องของการเจริญเติบโตในภาพรวมอย่างเดียว ต้องมาดูหรือมาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นทางสังคมด้วย ดูแลประชาชนที่ไม่ได้รับประโยชน์จากกระบวนการการพัฒนาทางเศรษฐกิจ งานด้านนี้มีงานเร่งด่วน 2 ประเด็นที่จะเริ่มดำเนินการจัดทำปฏิบัติการ เรียกว่า เป็นการเข้าค่ายของข้าราชการระดับสูง ผู้ที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชน ภาคประชาชน คาดว่าจะเริ่มต้นได้ในช่วงปลายเดือนนี้
“งานหนึ่งก็คืองานที่เกี่ยวข้องกับประชาชน ซึ่งอยู่ในภาคเศรษฐกิจไม่เป็นทางการ ทั้งผู้ประกอบการ ผู้ที่มีอาชีพอิสระ ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม พ่อค้า แม่ขายหาบเร่แผงลอย วินมอเตอร์ไซค์ คนทำงานกลางคืน แม้กระทั่งพนักงานบริษัทชั่วคราวบ้าง เต็มเวลาบ้าง เป้าหมายสำคัญ คือ ทำให้คนเหล่านี้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ ไม่ต้องพึ่งพาการกู้หนี้นอกระบบ ประการที่สองคือจะมีการปรับปรุงในเรื่องของสภาวะแวดล้อมการทำงาน ให้ปลอดภัย สะอาด และช่วยให้กลุ่มบุคคลเหล่านี้หลุดพ้นจากปัญหาของการรีดไถ การรังแกของเจ้าหน้าที่”
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เรื่องที่สอง คือ เรื่องของค่าครองชีพ น้ำมัน แก๊ส และอาหาร โดยในส่วนของพลังงานนั้น การทบทวนดูโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมัน ราคาแก๊สหุงต้ม เอ็นจีวี ควบคู่ไปกับในหมวดอาหาร ข้าว ไก่ หมู และไข่ไก่ ที่มีอัตราการเพิ่มในเรื่องของราคาที่สูง
“ กรณีของไข่ไก่ ผมเองก็ได้บอกกับทางภาคเอกชนอย่างชัดเจนว่า ก่อนหน้านี้เคยมาขอให้รัฐบาลช่วยเหลือโดยเฉพาะช่วงที่อ้างว่าความต้องการไข่ในตลาดลดลง เช่น ช่วงกินเจ ช่วงปิดเทอม ซึ่งรัฐบาลก็ได้มีมาตรการในการสนับสนุนไป เพราะฉะนั้นช่วงนี้มีข่าวว่ามีความพยายามจะขึ้นราคาไข่ไก่ ผมถือว่าเป็นการซ้ำเติมพี่น้องประชาชน ผู้ประสบปัญหาน้ำท่วม ก็ได้ส่งสัญญาณไปอย่างชัดเจนไปยังภาคเอกชนว่า ไม่ควรที่จะดำเนินการในขณะนี้ เพราะว่าเป็นการซ้ำเติมพี่น้องประชาชน และถือว่าไม่เป็นธรรม เพราะว่าในยามที่ตัวเองเดือดร้อน รัฐบาลก็พยายามเข้าไปดูแลแก้ไขปัญหาให้เต็มที่ แต่เมื่อประชาชนเดือดร้อน ก็ควรจะได้มีการเสียสละบ้าง”
สำหรับภาพรวมของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ที่จะมุ่งเรื่องความเป็นธรรมนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มี 2 เรื่องหลัก เรื่องแรกคือเรื่องของระบบภาษี รัฐบาลชุดนี้ได้มีการอนุมัติหลักการเรื่องของภาษีทรัพย์สินและสิ่งปลูกสร้าง ถือว่าเป็นภาษีทรัพย์สิน และจะทำให้การกระจายรายได้ การกระจายการถือครองทรัพย์สินนั้นมีความเป็นธรรมมากขึ้นในสังคม แต่ความจริงแล้วจะมีมาตรการทางภาษีที่จะต้องทำเพิ่มเติม เช่น กระทรวงการคลังได้มีการใช้มาตรการทางภาษีส่งเสริมในเรื่องงานทางด้านสังคมสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการยกเว้นภาษีรายได้ของโครงการที่เป็นการพัฒนาที่สะอาด ซึ่งเป็นโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และลดในเรื่องของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งมีผลกระทบต่อสภาวะของภูมิอากาศ เป็นต้น รวมทั้ง มาตรการส่งเสริมภาษีทางด้านการอ่าน สนับสนุนทางด้านการศึกษา สนับสนุนในเรื่องของเครื่องเล่นของเด็ก แต่โดยสรุป จะต้องมีการทบทวนโครงสร้างภาษีกันครั้งใหญ่ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า อีกด้านหนึ่งก็คือจะเป็นเรื่องของการเงิน มีประชาชนจำนวนมากมีความสามารถในการที่จะหารายได้ มีโอกาสปรับปรุงคุณภาพชีวิตของตนเองกับการมีงานทำ แต่ก็ประสบปัญหามาโดยตลอด ในฐานะผู้ประกอบการบ้าง ในฐานะบุคคลบ้าง ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ เพราะระบบการเงินของเราเน้นในเรื่องของการมีหลักทรัพย์ มีทรัพย์สินที่จะมาค้ำประกัน