- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- มติ คปร.ใกล้คลอด นำเสนอสู่สาธารณชนก่อนสิ้นปีนี้
มติ คปร.ใกล้คลอด นำเสนอสู่สาธารณชนก่อนสิ้นปีนี้
ดร.เดชรัต เผยขณะนี้เป็นช่วงการลงพื้นที่ เพื่อนำความคิดที่ตกผลึกกันแล้ว ไปรับฟังความคิดเห็น และเชื่อมกับปัญหาของชาวบ้าน มีทั้งเรื่องที่ดิน การศึกษา ขณะที่พระไพศาล คาดประเด็นแรกที่ คปร.จะลงมติกัน คือ เรื่องของที่ดิน-ทรัพยากร
หลังจากคณะกรรมการปฏิรูป (คปร.) ชุดนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 1 “ลดอำนาจรัฐ ขจัดความเหลื่อมล้ำ” ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ไปเมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมานั้น
ดร.เดชรัต สุขกำเนิด เลขานุการคณะกรรมการปฏิรูป กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินงานว่า จากการระดมความคิดเห็นต่อการปฏิรูปประเทศไทย พบว่า มีหลายเรื่องที่ทางคปร.จะต้องทำ ซึ่งก็ใกล้ได้ข้อเสนอออกมาแล้ว โดยข้อเสนอต่างๆ นั้นจะต้องมีการลงไปพูดคุยกับคนในพื้นที่อีกครั้งหนึ่ง
“ ขณะนี้เป็นช่วงที่คณะกรรมการลงพื้นที่ต่างๆ เพื่อนำความคิดที่ตกผลึกกันแล้ว ไปรับฟังความคิดเห็น และเชื่อมกับปัญหาของชาวบ้าน มีทั้งเรื่องที่ดิน การศึกษา ถือว่า เป็นเรื่องที่สอดคล้องกับคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป แต่วิธีการอาจจะต่างกันนิดหน่อย คณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปจะใช้กลไกสมัชชา แต่คณะกรรมการปฏิรูปจะออกมาเป็นมติ คาดว่า ต้นเดือนหน้าจะได้รับทราบความคืบหน้าการทำงาน”
ส่วนนายวิริยะ นามศิริพงศ์พันธ์ กรรมการปฏิรูป กล่าวว่า ประเด็น ที่คปร.เน้น คือ เรื่องการปฏิรูปที่ดิน ทรัพยากร และกาศึกษา ขณะนี้ยังบอกไม่ได้ว่า จะดึงเรื่องใดมาเป็นประเด็นเด่นก่อน ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงที่ต้องรอคณะกรรมการนำทุกประเด็นกลับมาคุยอีกครั้ง หนึ่ง คาดว่า ก่อนปีใหม่น่าจะมีการแถลงข่าวความคืบหน้าอะไรบางอย่างให้ได้รับทราบ
ขณะที่ พระไพศาล วิสาโล กรรมการปฏิรูป กล่าวว่า กรอบการทำงาน 5 ประเด็นที่สำคัญของ คปร. คือ เรื่องการศึกษา ที่ดินและทรัพยากร คุณภาพชีวิตคนเมือง แรงงาน และเกษตรกร ซึ่งคาดว่าประเด็นแรกที่จะลงมติกันนั้น คือ เรื่องของที่ดินและทรัพยากร (การผูกขาดที่ดิน, การปล่อยที่ดินรกร้าง) สำหรับประเด็นต่อไปอาจจะเป็นประเด็นเรื่องของแรงงาน โดยคาดว่า จะนำเสนอต่อสาธารณชนก่อนสิ้นเดือนธันวาคมนี้
พระไพศาล กล่าวถึงเหตุที่มติของ คปร. ยังไม่สิ้นสุดนั้น เพราะกว่าคณะกรรมการฯ จะต้องลงมติเห็นพ้องกัน ต้องผ่านกระบวนการนำเสนออย่างน้อย 3 – 4 ครั้ง กล่าวคือ อนุกรรมการฯ ต้องนำเสนอประเด็นจนกว่าในที่ประชุมจะไม่ขัดแย้ง หากมีข้อแก้ไข คณะอนุกรรมการฯ ก็ต้องนำกลับไปแก้ไขและนำเสนอในการประชุมครั้งต่อไป
“การทำงานของ คปร. จะต้องได้ความเห็นพ้องตรงกันในที่ประชุม อย่างเช่น ก่อนที่จะมาถึงกรอบยุทธศาสตร์ในปัจจุบัน ได้มีการนำเสนอผ่านที่ประชุมทั้งหมด 7 ร่าง และที่เป็นไปอย่างนี้ เพราะทาง คปร. ต้องการกรอบการทำงานที่ชัดเจน และถูกต้องที่สุด” พระไพศาล กล่าว