- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- นักวิชาการชี้สังคมไทยรอดได้ต้องปฏิรูป “การเมือง สังคม การศึกษา”
นักวิชาการชี้สังคมไทยรอดได้ต้องปฏิรูป “การเมือง สังคม การศึกษา”
"ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์" เสนอปฏิรูปการเมืองต้องให้มีการถ่วงดุล ยอมรับการแตกต่างในระบบคิด ตั้งคำถามทำอย่างไร ปฏิรูปศก.ให้รักษาความสามารถในการแข่งขัน ปฏิรูประบบการศึกษาให้ถึง ‘ดี’ กับ ‘เก่ง’ ตอบสนองกับโลกภายนอกได้
เมื่อเร็วๆ นี้ ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ อดีตวุฒิสมาชิก และอดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวในงานการประชุมวิชาการประจำปี สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และศึกษาศาสตร์ หัวข้อ "ปฏิรูปสังคมไทย ความคาดหวังกับความเป็นจริง" จัดโดย ภาควิชาสังคมศาสตร์ ภาควิชามนุษยศาสตร์ ภาควิชาศึกษาศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ณ โรงแรมรอยัลริเวอร์ กรุงเทพฯ ว่า การปฏิรูปสังคมไทยที่ปรารถนาต้องปฏิรูปทุกด้านทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะปฏิรูปทางการเมืองไม่ได้อยู่ที่รัฐธรรมนูญ เพราะประชาธิปไตยที่แท้จริงไม่ใช่แค่รูปแบบ ดังนั้นการเมืองต้องมีการถ่วงดุล ยอมรับการแตกต่างในระบบคิด ระบบจรรยาบรรณ
ขณะที่ปฏิรูประบบเศรษฐกิจ ดร.สมชาย กล่าวว่า ต้องปรับโครงสร้างความสามารถในการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงภายใต้โลกาภิวัฒน์ อาเซียน +3 + 6 ส่วนระบบการศึกษาที่ดีสุด ต้องสอนให้เด็กรู้ศักยภาพของตนเอง ตอบสนองกับโลกภายนอกได้ เน้นเรื่องของจริยธรรม ระบบคิดต้องไปข้างหน้า รวมทั้งระบบการศึกษาต้องสอนให้เห็นผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์สังคม ต้องแยกกันให้ออก ที่สำคัญไม่ใช่เน้นจำนวนต้องเน้นคุณภาพการศึกษา
เมื่อถามถึงกรณีรัฐเข้ามาทำเรื่องสังคมสวัสดิการ ดร.สมชาย กล่าวว่า เป็นการตอบคำถามที่แยกส่วน รัฐบาลตอบคำถามได้หรือไม่ว่า 1.ได้มีการวิเคราะห์ปัญหาในอนาคตหรือไม่ โครงสร้างประชากรในอนาคตจะมีลักษณะเป็นปีรามิดหัวคว่ำ รายจ่ายทุกวันนี้ งบประมาณรายจ่าย 16-17 % เป็นเรื่องของการลงทุน ที่นับวันจะยิ่งมากขึ้นมากกว่ารายจ่ายประจำ ถามว่า ตรงนี้รัฐบาลมีคำถาม หรือไม่
“2.การให้สวัสดิการไม่ได้ช่วยให้เขารอด เพียงแต่ช่วยให้เขาบาดเจ็บน้อยลง ซึ่งอยากให้รอดจริงๆ แทนที่จะให้ปลา ก็สอนให้เขาตกปลา สวัสดิการจึงตอบปัญหาได้เพียงบางส่วนเท่านั้น แต่ไม่ได้ตอบสนองการปรับโครงสร้างการแข่งขัน เรื่องรายได้ในอนาคต”
อดีตรองอธิการบดี มธ. กล่าวด้วยว่า สังคมไทยจะรอดได้ต้องปฏิรูปการเมือง สังคม และการศึกษา ทั้งหมดเป็นเรื่องยาก ซึ่งในสังคมที่เปลี่ยนยาก ก็กลายเป็นเรื่องที่ท้าทาย บางสังคมก็สามารถเปลี่ยนได้ เช่น เกาหลี สิงคโปร์ เป็นต้น ส่วนใครจะมองการเข้ามาทำตรงนี้เป็นการหาเสียงหรือไม่นั้น ปฏิเสธยาก ซึ่งหากมองในแง่ดีก็ยอมรับเราจำเป็นต้องมีเรื่องสวัสดิการเข้ามา “บรรเทา” แม้จะไม่ได้ตอบโจทย์แก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง หรือเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้เกิดขึ้นในแต่ละคนได้ทั้งหมดก็ตาม