- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- คปร.โยนหินถามทาง จัดสรรงบฯ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
คปร.โยนหินถามทาง จัดสรรงบฯ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
สร้างโมเดลนำร่องที่ จ.สระแก้ว ดึงท้องถิ่นตอบโจทย์จัดสรรงบประมาณตรงจุด ด้าน ‘กฤษณพงศ์ กีรติกร’ เผย คกก.ชุดการศึกษา พ่วงติดตามลงพื้นที่สำรวจ หาวิธีดึงคนนอกระบบ ให้ได้รับการศึกษาด้วย
เมื่อเร็วๆ นี้ นายกฤษณพงศ์ กีรติกร กรรมการปฏิรูป (คปร.) กล่าวถึงการทำงานของคณะกรรมการปฏิรูป โดยเฉพาะในเรื่องการพัฒนาระบบงบประมาณ โดยใช้พื้นที่เป็นตัวตั้ง เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีอำนาจในการจัดสรรงบของตนเองว่า นายชัยอนันต์ สมุทวณิช กรรมการปฏิรูป ในฐานะประธานอนุกรรมการระบบงบประมาณ ระบบการคลังและระบบสวัสดิการ กำลังเดินหน้าเรื่องกระจายอำนาจและระบบการคลัง โดยมีการเสนอให้จัดสรรงบประมาณลงไปเน้นการกระจายอำนาจ และลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งได้ทำการวิเคราะห์งบประมาณที่ลงไปในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทยแล้วพบว่า สวนทางกับสิ่งที่ควรจะเป็น
“หลังจากวิเคราะห์งบประมาณแล้วพบว่า ที่ไหนยิ่งจน งบประมาณที่ลงไปดูแลกลับยิ่งน้อย ซึ่งงบประมาณต่อหัวควรจะสูงกว่านี้ โดยใช้ตัวเลขดัชนีพัฒนามนุษย์ (Human Achievement Index - HAI) เอาโครงสร้างพื้นฐานทั้ง 8 ดัชนี อาทิ เรื่องการศึกษา อาชีพ และสิ่งแวดล้อม ฯลฯ ที่สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นดีพี (UNDP) ทำ เป็นตัวตั้ง เพื่อให้โจทย์กับท้องถิ่นว่า เมื่อได้เงินก้อนนี้ แล้วจะทำอะไรเพื่อพัฒนาตัวเลขดัชนีพัฒนามนุษย์ได้บ้าง”
นายกฤษณพงศ์ กล่าวด้วยว่า จังหวัดที่มีตัวเลขดัชนีการพัฒนามนุษย์ต่ำ ได้แก่ แม่ฮ่องสอน และสระแก้ว ซึ่งเป็นจังหวัดนำร่องที่ทางคณะกรรมการปฏิรูปเลือกลงไปสำรวจ ซึ่งโครงการนำร่องนี้คณะกรรมการปฏิรูป ชุดการศึกษาก็จะลงไปสำรวจพร้อมกันไปด้วย
“เราจะนำตัวอย่าง และประสบการณ์จากการลงพื้นที่สำรวจที่จังหวัดสระแก้วไปบูรณาการกับจังหวัดอื่น โจทย์ของคณะกรรมการปฏิรูปในขณะนี้คือต้องการทราบว่า ใครคือ 'ประชาคม' ที่เป็นประชาคมจริงๆ ที่ไม่ได้ถูกควบคุมกลไกภาครัฐ หรือกลไกการเมือง และใครคือ 'เสียง' ที่แท้จริงของประชาชนในพื้นที่ที่จะสามารถกำหนดโจทย์ กำหนดโครงการ และวิธีจัดสรรงบประมาณได้อย่างตรงจุด เพราะแม้แต่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นก็มีการจัดตั้งมาจากส่วนกลาง”
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายชัยอนันต์ กล่าวถึงการเพิ่มอำนาจของประชาชนด้วยระบบงบประมาณ ว่า คณะอนุกรรมการฯ มีแนวคิดที่จะเสนอต่อรัฐบาล ในเรื่องการขอตัดงบประมาณประจำปี 5% เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการเพิ่มอำนาจต่อรองให้กับประชาชน ทั้งนี้เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลใช้กรมต่างๆ เป็นฐานจ่ายงบประมาณสู่ท้องถิ่น และประชาชนไม่เคยมีส่วนร่วมในการพิจารณาการใช้งบประมาณด้วยตนเอง ส่งผลให้งบประมาณแต่ละส่วนไม่สามารถกระจายเข้าถึงประชาชนได้อย่างจริงจัง โดยมีข้อสรุปเบื้องต้นว่า ประชาชนต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดสรรกันเอง ทั้งนี้จะจัดสรรงบประมาณแต่ละจังหวัดในสัดส่วนที่ต่างกัน โดยวัดจากดัชนี HAI