- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- นายกฯ เปิดหัวใจปฏิรูป มุ่งแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง
นายกฯ เปิดหัวใจปฏิรูป มุ่งแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง
และแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ “อภิสิทธิ์” ยันมี 4 มาตรการปฏิรูปประเทศ ทั้งเรื่องระบบศก. เน้นลดค่าครองชีพ สวัสดิการ กระบวนการยุติธรรม สร้าง 'ยุติธรรมชุมชน' และการศึกษาช่วยเด็กกลุ่มคนด้อยโอกาส
วันที่ 24 ธันวาคม เวลา 17.00 น. ณ สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงผลงาน 2 ปีรัฐบาล โดยมีคณะรัฐมนตรี ผู้บริหารภาครัฐ สื่อมวลชนไทย สื่อมวลชนต่างประเทศ ตัวแทนภาคประชาชนในสาขาอาชีพต่าง ๆ เข้าร่วมรับฟังการแถลงผลงาน
นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งถึงแนวทางการปฏิรูปประเทศไทยว่า มุ่งในเรื่องของการทำงานหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคม เริ่มต้นกระบวนการของการที่จะมีการปฏิรูปในทางการเมือง และในเรื่องของการปฏิรูปสื่อ เป็นต้น โดยหัวใจ คือ การแก้ปัญหาในเชิงโครงสร้าง การแก้ปัญหาในเรื่องของความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะมีมาตรการ ซึ่งได้กำหนดไว้ 4 ด้านด้วยกัน 1.ระบบเศรษฐกิจ 2.ระบบสวัสดิการ 3.กระบวนการยุติธรรม และ 4.การศึกษา
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในด้านของเศรษฐกิจ ได้ทำโครงการพิเศษ ที่ใช้คำว่า "เร่งรัดปฏิบัติการเพื่อคนไทย" ซึ่งมุ่งเน้นในเรื่องของการลดภาระค่าครองชีพและปัญหาความไม่เป็นธรรมที่มี อยู่ในสังคม และช่วงปีใหม่ หลังปีใหม่ไปจะประกาศรายละเอียดมาตรการเหล่านี้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าไฟ ก๊าซหุงต้ม น้ำมัน อาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้า อย่างเช่น ไข่ไก่ หมู ไก่ เป็นต้น จะมีคำตอบมีแผนที่ชัดเจนซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาโดยใช้งบประมาณน้อยมาก แต่จะเป็นมาตรการที่เราไปแก้โครงสร้างความไม่เป็นธรรมที่มีอยู่ในกลไก
“เรื่องความไม่เป็นธรรมที่มีอยู่ในโครงสร้าง เราก็จะได้มีการผลักดันอย่างต่อเนื่องในเรื่องของการที่ออกกฎหมายมาให้มีการ เก็บภาษีที่ดินและทรัพย์สินเพื่อสร้างเศรษฐกิจที่เป็นธรรม” นายอภิสิทธิ์ กล่าว และว่า เรื่องของระบบสวัสดิการ มาตรการที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นไป มีตั้งแต่การขยายสิทธิประโยชน์ในเรื่องประกันสังคม ตรงนี้ทั้งในแง่ของการที่จะปรับปรุงแก้ไขกฎหมายขยายสิทธิประโยชน์ให้ครอบ คลุมคู่สมรส บุตรไปจนถึงการขยายสิทธิประโยชน์ที่ได้รับในปัจจุบันให้มีมากขึ้น หรือว่ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการสำรวจพบว่า แม่และเด็กเล็ก เป็นกลุ่มคนที่จะได้รับการช่วยเหลือ เพิ่มเติม หรือมีระบบสวัสดิการการดูแลที่ดีขึ้น ทั้งเรื่องของโภชนาการของเด็กทารก การแก้ปัญหาการท้องไม่พร้อม การดูแลเรื่องของการดูแลเด็กเล็กทั้งในสถานประกอบการ ทั้งการขยายศูนย์เด็กเล็กให้ครบทุกตำบล
“ในแง่ของหลักประกันความมั่นคง กองทุนเงินออมแห่งชาติ ขณะนี้กฎหมายผ่านวาระที่ 1 และก็ผ่านการพิจารณาของกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อปูทางไปสู่การที่ประชาชนคนธรรมดาจะได้มีโอกาสมีบำเหน็จบำนาญบ้าง”
ส่วนเรื่องของกระบวนการยุติธรรม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ประชาชนจำนวนมากยังมีปัญหาในเรื่องของการได้รับบริการทางด้านกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นความรู้ การบริการ โดยเราจะมุ่งในเรื่องของการสร้างสิ่งที่เรียกว่า ยุติธรรมชุมชน เข้าไปถึงพี่น้องประชาชนในชุมชนต่างๆ ให้เห็นว่านี้คือกระบวนการยุติธรรม ซึ่งทุกคนจะต้องเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกัน มีคำแนะนำในเชิงกฎหมายและจะเข้าไปแก้ปัญหาความขัดแย้งในระดับชุมชน
“อะไรที่ ไม่จำเป็นต้องฟ้องร้องกัน ไกล่เกลี่ยกัน เราจะมีบุคลากรที่เข้าไปให้คำแนะนำต่างๆ เหล่านี้ และก็ในแง่ที่เราจะปรับปรุงในแง่ของกระบวนการยุติธรรมต้นทางคือตำรวจ โดยมุ่งเน้นว่า ตำรวจต้องใกล้ชิดกับชุมชนมากขึ้นทำงานในเรื่องป้องกันให้ความอบอุ่นใจแก่พี่ น้องประชาชนไม่ให้เกิดอาชญากรรม ทำโดยการกระจายอำนาจทำโดยการเพิ่มการมีส่วนร่วมการตรวจสอบจากประชาชนให้ขวัญ กำลังใจตำรวจชั้นประทวน ให้ความสำคัญกับกระบวนการสอบสวนที่จะต้องเป็นอิสระ และมีประสิทธิภาพ เป็นต้น”
สุดท้าย เรื่องของการศึกษา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มีการผลักดันในเรื่องการปฏิรูปการศึกษา และก็การศึกษาฟรี 15 ปีไปแล้ว แต่ว่าในแผนของการปฏิรูปที่เราจะทำต่อไปนั้นก็คือเราจะช่วยเด็กและกลุ่มคน ด้อยโอกาสอีกจำนวนมาก ซึ่งยังตกหล่นอยู่ยังขาดโอกาสทางการศึกษาอยู่ ไม่ว่าจะเป็นในชนบทห่างไกล เด็กพิการ เด็กที่ต้องออกจากโรงเรียนไปจนถึงพี่น้องประชาชน ซึ่งไม่มีโอกาสได้รับการ ศึกษาสูง แต่ถึงวันนี้ต้องการจะเรียนรู้เพิ่มเติม ต้องการจะเพิ่มทักษะต้องการจะเพิ่มความสามารถของตนเอง ก็จะมีโครงการพิเศษที่จะครอบคลุมกลุ่มคนเหล่านี้ พร้อมๆ กันไป
“จากการที่เราได้มีโครงการคืนครูให้นักเรียนไปแล้ว ตอนนี้ก็จะมีการส่งเสริมครูที่ใช้คำว่า "ครูสอนดี" คือไม่ใช่ครูที่มีผลงานทางวิชาการ หรือครูที่ไปทำงานทางด้านการบริหาร แต่วันนี้จะมีโครงการพิเศษให้ขวัญกำลังใจให้รางวัล ให้เกิดความอบอุ่นใจว่าจะมีความก้าวหน้าได้รับการยกย่องสำหรับครูที่ทุ่มเท จริงๆ ในเรื่องของการเรียนการสอนจะมีการคัดเลือกกลุ่มครูเหล่านี้มาเป็นพิเศษ และดึงเอาทั้งท้องถิ่น ทั้งภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนในเรื่องของครูสอนดี และก็การปฏิรูปการศึกษาจะต้องดำเนินการต่อไป”
ทั้งนี้ ภายหลังการแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 2 ปีแล้ว นายกรัฐมนตรีได้รับฟังการเสวนาของประชาชนจาก 7 กลุ่ม ที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล ประกอบด้วย กลุ่มคนพิการ - ผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพ กลุ่มเกษตรกรจากนโยบายประกันรายได้เกษตรกร กลุ่ม อสม. กลุ่มที่ได้รับการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ นักเรียนจากโครงการเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ ผู้ประกอบการท่องเที่ยว และกลุ่มที่ได้รับโฉนดชุมชน