- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ส่งท้ายปี ดร.ณรงค์ เปรียบการทำงานคณะปฏิรูป เริ่มลงหลักปักเสาเข็ม
ส่งท้ายปี ดร.ณรงค์ เปรียบการทำงานคณะปฏิรูป เริ่มลงหลักปักเสาเข็ม
เพื่อสร้างบ้านให้มั่นคงแข็งแรง ดร.ณรงค์ เผยประเด็นแรงงาน อยู่ในขั้นตอนศึกษา เปิดเวทีระดมความเห็นนายทุน ลูกจ้าง คาดจัดทำเป็นข้อเสนอใหญ่ได้ พ.ค.ปีหน้า
รศ.ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ กรรมการปฏิรูป และกรรมการสมัชชาปฏิรูป กล่าวถึงความคืบหน้าการทำงานของคณะปฏิรูปทั้ง 2 คณะ ว่า มีความคล้ายคลึงกับการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ แต่แตกต่างกันที่วิธีการแก้ไขปัญหา ซึ่งทางคณะปฏิรูปพยายามแก้ปัญหาในเชิงโครงสร้างในระยะยาว แต่ในขณะเดียวกันรัฐบาลเลือกแก้ปัญหาที่เห็นผลเร็วก่อน
"หากจะเปรียบการทำงานของคณะปฏิรูป ก็เหมือนกับการสร้างบ้านที่มั่นคงแข็งแรง โดยจะต้องเริ่มจากการลงหลักปักเสาเข็มให้มั่นคงเสียก่อน ในขณะที่รัฐบาลอยากเห็นผลเร็ว ก็เลือกที่จะกางเต๊นท์พักผ่อนชั่วคราวแทน"
รศ.ดร.ณรงค์ กล่าวถึงคณะกรรมการเครือข่ายผู้ใช้แรงงานเพื่อการปฏิรูป โดยเฉพาะประเด็นเรื่องแรงงานที่รับผิดชอบอยู่นั้น ได้ตั้งเป้าหมายไว้ทั้งหมด 5 ข้อ คือ 1.ทำให้แรงงานมีอำนาจต่อรองในเรื่องต่างๆ 2.สร้างรายได้ที่มั่นคง 3.ทำให้เกิดสวัสดิการที่ชัดเจนว่านายจ้าง รัฐบาลควรจะรับผิดชอบจุดไหนอย่างไร 4.สร้างสิทธิและการใช้โอกาส ทำความเข้าใจกับแรงงานว่า มีสิทธิอันพึงจะมีอย่างไร 5.การยกระดับฝีมือแรงงาน เหล่านี้มีกลไกดำเนินการด้วยการสร้างความรู้ ความเข้าใจ พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารแก่แรงงาน เพื่อสร้างกระบวนการการมีส่วนร่วมต่างๆ
ส่วนการนำเสนอกรอบเป้าหมายทั้งหมดนั้น กรรมการปฏิรูป กล่าวว่า อยู่ในขั้นตอนการศึกษาถึงกลุ่มผู้เกี่ยวข้อง เปิดเวทีระดมความเห็นของนายทุน ลูกจ้าง ฯลฯ ซึ่งต้องใช้เวลาในการหารายละเอียดเพิ่มเติม คาดว่าจะทำเป็นข้อเสนอใหญ่ได้ภายในเดือนพฤษภาคมปีหน้า
“เป้าหมายทั้งหมดอาจนำไปสู่การรวมตัวกันของกลุ่มชนผู้ใช้แรงงาน และการปรับเปลี่ยนวิธีค่าแรงขั้นต่ำว่า ด้วยวิธีแบ่งแยกประเภทของแรงงานว่าเป็นแรงงานตัวคนเดียวมีครอบครัวหรือไม่ และอาจใช้วิธีคิดค่าแรงขั้นต่ำตามฝีมือแรงงงาน ซึ่งปัจจุบันฝีมือแรงงานไทยได้นำหน้าอัตราค่าจ้างไปหลายก้าวแล้ว” รศ.ดร.ณรงค์ กล่าว
รศ.ดร.ณรงค์ กล่าวถึงเป้าหมายที่จะยกระดับฝีมือแรงงานว่า ในปี 2558 ประเทศไทยกำลังจะเปลี่ยนแปลงเป็นระบบเสรีแรงงาน หากไม่รีบทำอะไรบางอย่าง เพื่อเป็นการตอบสนองหรือสร้างคุณค่าให้กับแรงงานที่มีฝีมือ อาจทำให้แรงงานทั้งหมดออกไปทำงานประเทศที่มีอัตราค่าแรง และสวัสดิการดีกว่า ซึ่งจะมีผลกระทบต่ออข่เศรษฐกิจในประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ขณะที่การขับเคลื่อนของคณะกรรมการเครือข่ายพลังเยาวชนเพื่อการปฏิรูป นายรัชฏะ ศรีบุญรัตน์ ประธานสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย และกรรมการสมัชชาปฏิรูป กล่าวว่า การทำงานของเครือข่ายเยาวชน ขณะนี้เน้นความสำคัญไปในส่วนทางวิชาการ ที่ยังดำเนินการสำรวจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแนวคิดที่จะหางบประมาณมาสนับสนุนด้านการศึกษาของเยาวชน ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนทำงานวิชาการกึ่งวิจัย ภายใต้หัวข้อ “เปลี่ยนปืนเป็นหนังสือ” ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงงบที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทางด้านการทหาร มาเป็นงบทางการศึกษาของเยาวชนในอนาคต
เมื่อถามถึงผลงานด้านเยาวชนที่เป็นรูปธรรมมากที่สุด นายรัชฏะ กล่าวว่า กำลังจะมีโครงการลงไปทำประชาพิจารณ์ในภาคเยาวชน ด้วยวีการจัดทำเวทีระดับภูมิภาค ซึ่งยุทธศาสตร์เบื้องต้น จะอาศัยมหาวิทยาลัยให้เป็นแกนนำในการเปิดเวที คาดว่าจะเริ่มดำเนินการครั้งแรกได้ไม่เกินเดือนมีนาคมปีหน้า โดยจะเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับเด็กและเยาวชนในการเสนอข้อคิดเห็นกับเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม โดยได้วางแผนที่จะเปิดเวทีให้ครอบคลุมทุกภูมิภาค คือ กรุงเทพมหานคร, อุบลราชธานี เชียงใหม่ และสงขลา