- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ป.ป.ช.ตั้งเป้าทำงานปี 54 เน้นงานหลัก 9 เรื่อง
ป.ป.ช.ตั้งเป้าทำงานปี 54 เน้นงานหลัก 9 เรื่อง
ใน 3 ด้านหลัก พัฒนาองค์กรและเครื่องมือภายใต้หลักธรรมาภิบาล การพัฒนาพลังความร่วมมือของเครือข่ายสังคม และการพัฒนาจิตใจคนในสังคม หวังนำคุณธรรมความสุจริต มอบเป็นของขวัญสร้างสุขแก่คนไทย
นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงนโยบายการทำงาน ปี 2554 ว่า ป.ป.ช. มีนโยบายเร่งรัดการทำงานในด้านต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตสำหรับเป็นของขวัญแก่คนไทย
“ป.ป.ช. ได้กำหนดเป้าหมายเร่งรัดการทำงานเป็นพิเศษในเรื่องสำคัญ 9 เรื่อง ใน 3 ด้านหลัก คือ การพัฒนาองค์กรและเครื่องมือภายใต้หลักธรรมาภิบาล การพัฒนาพลังความร่วมมือของเครือข่ายสังคม และการพัฒนาจิตใจคนในสังคม เพื่อนำคุณธรรมความสุจริต และความน่าเชื่อถือของประเทศมามอบเป็นของขวัญที่จะสร้างความสุขแก่สังคมไทยและคนไทยทุกคนในปี 2554 นี้”
สำหรับเรื่องสำคัญ 9 เรื่อง ประธาน ป.ป.ช. กล่าวว่า ประกอบด้วย การสร้างความน่าเชื่อถือของการพิจารณาที่เป็นธรรม การพัฒนาประสิทธิภาพระบบงาน เช่น สารบบคดีต่างๆ การพัฒนาความเข้มแข็งเครือข่ายต่อต้านการทุจริต การวิจัยสนับสนุนและพัฒนามาตรการต่อต้านการทุจริต การบริการในภูมิภาคของสำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัด การพัฒนาประสิทธิภาพงานคดี การปลูกจิตสำนึกคุณธรรม ด้านการเผยแพร่ความรู้เพื่อสร้างความเข้าใจและภูมิคุ้มกันป้องกันการกระทำผิด และการส่งเสริมการพัฒนาฝึกจิตเพื่อพิชิตคอร์รัปชั่น
นายปานเทพ กล่าวถึงภาพรวมผลงานของ ป.ป.ช. ที่ผ่านมา มีสองด้านคือ ทั้งด้านดีที่สังคมพึงพอใจ และบางส่วนที่ยังไม่พึงพอใจ ซึ่งเรื่องใดที่มีเสียงชื่นชมเราก็จะทำให้ดียิ่งขึ้น และปรับปรุงในเรื่องที่สังคมต้องการให้พัฒนา เช่น ความรวดเร็วในการทำงานนั้น ป.ป.ช.มิได้นิ่งนอนใจ แต่การดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม ยึดเรื่องความถูกต้อง ความสมบูรณ์ของพยานหลักฐานอย่างพอเพียง เพื่อมิให้เกิดอคติในการทำงาน จนบางครั้งอาจทำให้เกิดความรู้สึกว่าล่าช้าไปบ้างแต่ทุกเรื่อง ป.ป.ช.จะตอบได้ว่า ทุกฝ่ายต้องได้รับโอกาสและความเป็นธรรมในกระบวนการทำงานของ ป.ป.ช. อย่างยุติธรรมเสมอภาคกัน
“ในส่วนการฝึกจิตพิชิตคอร์รัปชัน ป.ป.ช. ได้มีการนำเสนอแนวคิดการนำวิธีวิปัสสนากรรมฐานมาใช้ในการพัฒนาความเข้มแข็งของจิตใจ โดยจะเตรียมขยายผลทั้งการดำเนินโครงการกับกลุ่มเป้าหมายทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ เช่น การจัดส่งบุคลากรของสำนักงาน ป.ป.ช. ระดับบริหารเข้าร่วมเรียนรู้การฝึกปฏิบัติธรรมวิปัสสนา ในโครงการของมูลนิธิส่งเสริมวิปัสสนากรรมฐานในพระสังฆราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นหลักสูตรอบรม 10 วันและเตรียมจะพิจารณา การจัดทำโครงการนำร่อง ซึ่งจะเชิญชวนให้ผู้แทนหน่วยงานด้านต่อต้านการทุจริตของประเทศที่สนใจในแนวทางข้อเสนอการฝึกจิตพิชิตคอร์รัปชันของประเทศไทย ให้เดินทางเข้ามาฝึกวิปัสสนาพัฒนาจิตใจในประเทศไทย ภายในปี 2554 นี้”
ทั้งนี้ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวด้วยว่า ความร่วมมือของคนในสังคมเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตของสังคมไทยให้ไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมาย แต่ขณะเดียวกันความสำเร็จในการต่อต้านการทุจริตในทุกวันนี้ ลำพังมาหวังพึ่งการใช้กฎหมายเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องยกระดับจิตใจของคนให้สูงขึ้นด้วย การฝึกจิตเป็นวิถีแห่งธรรมชาติ เพราะเมื่อจิตของคนได้ฝึกฝนจนลดกิเลสลงได้บ้างแล้ว จะเป็นภูมิคุ้มกันมิให้กระทำทุจริต จึงเป็นหนทางหนึ่งที่สนับสนุนให้สังคมเดินไปสู่ความสุขในที่สุด