- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- นายกฯ รับลูก 3 ข้อเสนอ ขปส. เตรียมชงเข้า ครม.สัปดาห์หน้า
นายกฯ รับลูก 3 ข้อเสนอ ขปส. เตรียมชงเข้า ครม.สัปดาห์หน้า
คปร. เดินทางเยี่ยมให้กำลังใจ หนุนขับเคลื่อนระดับพื้นที่ต่อ แนะอย่าให้เป็นประเด็นแค่ข่าวรายวันแล้วจบ 'ประยงค์' เผยนายกฯ รับเรื่อง กองทุนที่ดิน-คนไร้บ้าน-เขื่อนปากมูล นำเสนอ ครม. สัปดาห์หน้า มอบ 'สาทิตย์' ประสานงาน แกนนำ ขปส. ลั่นผิดข้อตกลงเตรียมขอเข้าพบอีก
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.)ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 4 เรื่อง "หากรัฐบาลยังมีอำนาจ ต้องแสดงศักยภาพ ดำเนินการแก้ไขปัญหาคนจน" หลังเดินทางมาปักหลักชุมนุมบริเวณหน้าพระบรมรูปทรงม้า เป็นวันที่ 3 เพื่อทวงสัญญาการแก้ไขปัญหาคนจนจากนายกรัฐมนตรี
นายบุณยฤทธิ์ ภิรมย์ แกนนำฯ กล่าวถึงความคืบหน้าล่าสุด ว่า เมื่อเย็นวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ผู้แทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมจำนวน 56 คน ได้เดินทางเข้าพบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ณ รัฐสภา เพื่อเจรจาหาแนวทางแก้ไขปัญหาตามกรอบหลักการ แนวทางการแก้ไขปัญหาที่ได้ยื่นต่อทางรัฐบาลไปก่อนหน้านี้ ซึ่งประกอบด้วย กรณีปัญหาที่ได้ข้อยุติในคณะกรรมการต่างๆ ที่ต้องสั่งการโดยทันที 22 กรณีปัญหา และปัญหาที่ต้องนำเข้าพิจารณาเพื่อลงมติคณะรัฐมนตรีจำนวน 6 กรณี ประกอบด้วย กรณีโครงการนำร่องธนาคารที่ดินภาคเหนือ 5 หมู่บ้าน, กรณีสวนป่าคอนสาร ชุมชนบ่อแก้ว จังหวัดชัยภูมิ, กรณีบ้านห้วยหวาย จังหวัดเพชรบูรณ์, กรณีปากห้วยโป่ง จังหวัดชัยภูมิ, กรณีคนไร้บ้าน และกรณีเขื่อนปากมูล จังหวัดอุบลราชธานี
"หลังการประชุมหารือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐเสร็จสิ้น ได้ข้อสรุปว่า มีเพียงบางกรณีปัญหาเท่านั้นที่รัฐบาลรับปากจะผลักดันเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554 เพียงแค่ 3 กรณี คือ กรณีจัดตั้งกองทุนที่ดินจำนวน 167 ล้านบาท, โครงการบ้านมั่นคงแก่คนไร้บ้าน จำนวน 52 ล้านบาท และการเปิดเขื่อนปากมูล 5 ปี พร้อมเงินชดเชยแก่ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจำนวน 600 ล้านบาท โดยยังไม่สามารถรับปากได้ว่า ทุกกรณีจะผ่านความเห็นชอบหรือไม่"
ด้าน นายประยงค์ ดอกลำใย ที่ปรึกษาขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) กล่าวว่า สาเหตุที่นายกรัฐมนตรีตัดสินใจนำกรณีปัญหาเข้าเสนอต่อครม.เพียง 3 เรื่อง เนื่องจากในกรณีของสวนป่าคอนสาร, บ้านห้วยหวาย และปากห้วยโป่งนั้น ยังไม่สามารถตัดสินใจได้จนกว่าจะมีข้อมูลที่สมบูรณ์ ซึ่งในเบื้องต้นรัฐบาลเตรียมเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าหารือต่อไป
นายประยงค์ กล่าวอีกว่า หลังจากนายกรัฐมนตรีเข้าเจรจาหาแนวทางแก้ไขปัญหาใน 6 กรณีเบื้องต้น ได้มอบหมายให้หน่วยงานของรัฐเข้าพูดคุยถึง 22 กรณีปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขกับเครือข่าย ขปส. พร้อมทั้งให้รายงานผ่านทางนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็ยังไม่ได้ข้อยุติในการเจรจา คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะอยู่ในขั้นตอนเจรจาเป็นรายประเด็นต่อไป
"ทั้งนี้ ในส่วนข้อเสนอเบื้องต้นทั้ง 7 ข้อของ ขปส. นั้นนายกรัฐมนตรีก็รับปากว่าจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีด้วยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามทางแกนนำ ขปส. ได้หารือกันในเบื้องต้นแล้ว หากข้อเสนอทั้งหมดไม่เป็นไปตามข้อตกลง จะขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อหาข้อยุติในการเจรจาในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ "
อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกัน คณะกรรมการปฏิรูป (คปร.) นำโดย นายพงศ์โพยม วาศภูติ กรรมการปฏิรูป, ดร.เพิ่มศักดิ์ มกราภิรมย์ กรรมการปฏิรูป และอนุกรรมการปฏิรูปที่ดิน ฐานทรัพยากรและน้ำ, นายเดชรัต สุขกำเนิด เลขานุการคณะกรรมการปฏิรูป เข้าพบปะผู้ชุมนุม เพื่อให้กำลังใจ และมอบข้อเสนอของคณะกรรมการปฏิรูป เรื่อง ข้อเสนอปฏิรูปการจัดการที่ดินเพื่อการเกษตร จากนั้น ได้รับนำเสนอของ ขปส. ทั้ง 7 ข้อ กลับไปศึกษาเพื่อเปิดเวทีเสวนาวิชาการร่วมกันต่อไป
นายพงศ์โพยม กล่าวว่า ไม่ควรปล่อยให้การเคลื่อนไหวครั้งนี้ ปรากฏอยู่แค่เพียงบนหน้าหนังสือพิมพ์เพียงชั่วครั้งชั่วคราวแล้วก็จบ สิ่งเหล่านี้ต้องปลูกฝังให้ผู้ชุมนุมทุกเครือข่ายกลับไปศึกษา เพื่อหาทางออกที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
"การปฏิรูปประเทศเป็นกระบวนการที่ยังไม่มีจุดสิ้นสุด ไม่ใช่เพียงแค่นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีแล้วจะเสร็จสิ้นภารกิจ แต่ต้องเป็นเรื่องที่ประชาชนต้องเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อนำไปสู่การผลักดันภาครัฐให้เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งหลังจากการชุมนุมเสร็จสิ้น อยากให้ชาวบ้านนำข้อเสนอเทั้งของ ขปส. และ คปร. กลับไปศึกษาต่อ เพื่อขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ต่อไป"
ด้านเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อข้อเสนอของคณะกรรมการปฏิรูป นายพงศ์โพยม กล่าวว่า ทุกอย่างในโลกมีทั้งข้อดีข้อเสีย อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันวิจารณ์หาจุดอ่อนจุดแข็ง เพื่อแก้ไขให้เป็นข้อเสนอที่สมบูรณ์ ไม่ใช่เอาแต่วิจารณ์คัดค้านเพียงอย่างเดียว ไม่เช่นนั้นแล้วจะไม่สามารถหาทางออกเรื่องปากท้องของคนจนได้อย่างตรงประเด็น