"สมพร" เปิดข้อเสนอเร่งถ่ายโอนภารกิจสู่ท้องถิ่นให้เสร็จทันปี 2560

 เผยได้ข้อเสนอจากการจัดสมัชชาทั่วทุกภาคแล้ว เล็งส่งถึงมือนพ.ประเวศ  ตั้ง ‘สภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น’ ขับเคลื่อนเรื่องการกระจายอำนาจ เร่งจัดสรรงบฯ ให้ครบ 35 % ตามกม. ภายใน 5 ปี

 วันที่ 2 มีนาคม นายสมพร ใช้บางยาง กรรมการสมัชชาปฏิรูป ในฐานะประธานคณะกรรมการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อการปฏิรูป  กล่าวกับศูนย์ข้อมูลข่าวสารปฏิรูปประเทศไทย ถึงข้อเสนอแนวทางการปรับโครงสร้างการปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อสร้างความเป็นธรรมและ ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ว่า จะมีข้อเสนอเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณให้ท้องถิ่นให้ครบ 35% ตามกฎหมาย ภายใน 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นไป ซึ่งการจัดสรรงบประมาณให้ท้องถิ่น นั้นจะเสนอให้เป็นงบอุดหนุนทั่วไป ไม่ใช่เงินอุดหนุนพิเศษ และหากกรณีที่จะจัดสรรเป็นเงินอุดหนุนพิเศษก็เสนอให้เป็นเงินที่นอกกรอบ 35% ที่กำหนดไว้

สำหรับการถ่ายโอนภารกิจให้ท้องถิ่นนั้น ประธานคณะกรรมการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อการปฏิรูป กล่าวว่า ทางคณะกรรมการ อปท. มีข้อเสนอให้กำหนดระยะเวลาในการถ่ายโอนให้แล้วเสร็จภายในปี 2560 และหากไม่ทันในปี 2560 ก็เสนอให้เป็นการถ่ายโอนโดยอัตโนมัติ เพราะไม่อย่างนั้นส่วนราชการต่างๆ ก็จะไม่ยอมถ่ายโอนภารกิจ โดยอ้างว่า ท้องถิ่นไม่พร้อม

“ส่วนข้อเสนอการจัดตั้งสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นั้นให้จัดตั้งองค์กรใหม่ขึ้นมาบริหารงานในแบบราชการ แต่ให้มีความเป็นอิสระ เพื่อให้มาขับเคลื่อนเรื่องการกระจายอำนาจ ไม่อย่างนั้นก็จะติดแต่ระบบราชการ จนไม่สามารถขับเคลื่อนเรื่องการกระจายอำนาจได้อย่างแท้จริง ซึ่งที่มาของคณะกรรมการสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะได้มาจากส่วนท้องถิ่น และประชาชนเป็นส่วนใหญ่” นายสมพร กล่าว และว่า ขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้โอกาสกับชาวบ้านได้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวน การร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบ ร่วมปฏิบัติ ร่วมตรวจสอบ ถือว่า เป็นการให้โอกาสกับชาวบ้าน ซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยแท้จริง

นายสมพร กล่าวถึงหลักคิดของกรรมการปฏิรูป และกรรมการสมัชชาปฏิรูป ว่า มองเรื่องการกระจายอำนาจเป็นเรื่องสำคัญ แต่การกระจายอำนาจในรูปแบบของเรานั้น เป็นการกระจายอำนาจให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และในขณะเดียวกันก็เป็นการ "คืนอำนาจ" ให้กับประชาชน ในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตย

“วันพรุ่งนี้ (3 มีนาคม) ทางคณะกรรมการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นฯ จะยื่นข้อเสนอทั้งหมด ที่ได้จากการลงพื้นที่จัดสมัชชาทั่วทุกภาคต่อ ศ.นพ.ประเวศ วะสี ประธานกรรมการสมัชชาปฏิรูป  และ คุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ ประธานคณะกรรมการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนแห่งชาติ เพราะในส่วนหนึ่งเห็นว่า ฝ่ายรัฐบาลก็สามารถช่วยขับเคลื่อนได้หลายประเด็น เช่น การแก้ไขระเบียบกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน ทำให้ไม่เป็นอิสระ”

สำหรับการลงพื้นที่จัดสมัชชาฟังความคิดเห็นทั่วทุกภาคที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปนั้น นายสมพร กล่าวว่า  ใช้เวลากว่า 3 เดือน ลงพื้นที่ 6 จังหวัด และมีผู้ร่วมทั้งหมดกว่า 1,500 คน ซึ่งมีทั้งผู้บริหารท้องถิ่น ฝ่ายสภาท้องถิ่น ข้าราชการท้องถิ่น และภาคประชาชน แม้ในส่วนของมติข้อเสนอจะถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว แต่ทางคณะกรรมการฯ ก็ยังคงขับเคลื่อนงานต่อไป ทั้งในส่วนของนโยบาย และข้อเสนอที่สามารถจัดทำได้เอง รวมทั้งสนับสนุนให้เกิดความเข้มแข็งจากฐานล่าง

นายสมพร กล่าวด้วยว่า ขอให้ส่วนกลางและส่วนภูมิภาคลดบทบาทลง และเพิ่มบทบาทให้ท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น ซึ่งขณะนี้กำลังพยายามขับเคลื่อนในส่วนของพลัง 3 องค์กร คือ อบจ. เทศบาล และอบต. ซึ่งในปัจจุบันนี้ไม่รวมกัน ไม่เข้มแข็ง ต่างคนต่างอยู่ และยังติดอยู่กับระบบเก่า ไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้อง โดยในระยะแรกเราพยายามรวม 3 องค์กรให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น จากนั้นเมื่อรวมกันได้อย่างเข้มแข็งแล้วก็ปล่อยให้สามารถดูแลตนเองได้

"แนวทางต่อจากนี้จะพยายามหานักวิชาการมาทำวิจัย ศึกษาเรื่องงบประมาณ เรื่องระเบียบกฎหมาย และเรื่องที่เกี่ยวกับบทบาทท้องถิ่นว่าควรจะทำอย่างไร อุปสรรคอยู่ที่ส่วนไหน และมีแนวทางในการแก้ไขอย่างไร เพื่อที่จะไปหนุนเสริม และนำเสนอต่อสังคม นำไปสู่การแก้ไขปัญหาตามแนวทางที่ถูกต้อง"

เมื่อถามถึงความคืบหน้าการขับเคลื่อนของคณะทำงานแต่ละชุด ในคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป นายสมพร กล่าวว่า คณะทำงานแต่ละชุดล้วนมีประเด็นพร้อมในการนำเสนอในเวทีสมัชชาปฏิรูประดับชาติที่จะจัดขึ้นในวันที่ 24-26 มีนาคมนี้แล้ว อาทิเช่น ประเด็นที่ดิน และทรัพยากร ฯลฯ ทั้งในรูปแบบนโยบาย และข้อเสนอ