พลังสตรี ยื่นข้อเสนอ “ทำงาน 8 พักผ่อน 8 แสวงหาความรู้ 8”

นายกรัฐมนตรี รับ 4 ข้อเสนอ ในโอกาส 100 ปี วันสตรีสากล ยอมรับมีบางเรื่องรัฐบาลยังดำเนินการไม่ครอบคลุม รับปากเร่งจัดทำแผนด่วน สร้างศูนย์เด็กเล็กครบทุกตำบลทั่วประเทศ 

วันที่ 6 มีนาคม  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ร่วมเปิดงานเฉลิมฉลอง 100 ปี วันสตรีสากล  โดยมีเครือข่ายองค์กร 33 แห่ง จากองค์กรแรงงานทั้งภาครัฐและเอกชน องค์กรทำงานประเด็นผู้หญิง องค์กรสิทธิมนุษยชน และผู้แทนจากหลากหลายอาชีพ เช่น ศิลปิน กวี นักเขียน ผู้พิการ เกษตร ชนเผ่า และผู้แทนหญิงจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เกาหลี ฟิลิปปินส์ เนปาล และกัมพูชา เข้าร่วมงานเพื่อร่วมกันประกาศเจตนารมณ์การเฉลิมฉลอง 100 ปี วันสตรีสากล ร่วมกับขบวนผู้หญิงทั่วโลก เพื่อรำลึกถึงพลังการต่อสู้ของขบวนผู้หญิง ที่ไม่เคยท้อถอยหรือหยุดนิ่ง เพื่อสิทธิความเสมอภาค ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ณ ห้องประชุมประกอบ หุตะสิงห์ ชั้น 3 อาคารอเนกประสงค์ 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) กรุงเทพฯ

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้รับข้อเสนอเพื่อการขับเคลื่อนร่วมกันต่อสังคมและรัฐบาล ในโอกาส 100 ปี วันสตรีสากล "ผู้หญิงทำงาน ต้องการคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน เพื่อผู้หญิงและทุกคน" จากผู้แทนผู้ประสานงานคณะจัดงานฯ และผู้แทนองค์กรร่วมจัด

สาระสำคัญสรุปดังนี้ 

1.ผู้หญิงทำงานทุกกลุ่ม ต้องได้ทำงานในระบบสามแปดที่เป็นจริง (ทำงาน 8 ชั่วโมง พักผ่อน 8 ชั่วโมง และแสวงหาความรู้ 8 ชั่วโมง) โดยมีระบบสวัสดิการสังคมที่จำเป็นจากเกิดจนตาย ทั้งแรงงานในระบบ นอกระบบ ลูกจ้างภาครัฐ หญิงบริการ แรงงานเกษตรและประมง เช่น ให้แรงงานหญิงเกษียณอายุจากการทำงานเมื่ออายุ 60 ปี ยอมรับหญิงบริการ แรงงานนอกระบบ แรงงานภาคเกษตร และประมง เข้าสู่ระบบประกันสังคม ต้องมีมาตรการเด็ดขาดห้ามการเลิกจ้างคนท้อง ส่งเสริมให้มีศูนย์เลี้ยงเด็กที่มีคุณภาพ และรัฐต้องรับรองอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 183 ว่าด้วยสิทธิการคุ้มครองความเป็นมารดา ฯลฯ

2.ส่งเสริมการเข้าถึงสิทธิสุขภาพอนมัยเจริญพันธุ์ ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะสำหรับผู้หญิง อย่างมีคุณภาพ

3.การคุ้มครองดูแลผู้หญิงจากทัศนคติ "เหมารวม" และ "เลือกปฏิบัติ" ต่อผู้หญิง

และ4. ผู้หญิงต้องมีส่วนร่วมตัดสินใจและวางแผนทุกระดับ เช่น คณะกรรมการไตรภาคี กรรมการองค์กรอิสระ และการมีสัดส่วนนักการเมืองหญิงเพื่อเพิ่มขึ้นทุกระดับ เป็นต้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ข้อเสนอและสิ่งที่ผู้แทนเครือข่ายองค์กรต่างๆ ได้เสนอมานั้นว่า  มีความสอดคล้องกับสิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการเช่นกัน อาทิ รัฐบาลได้มีการสร้างหลักประกันที่มั่นคงในการทำงานให้แก่แรงงานทั้งในและนอกระบบ โดยดูแลให้แรงงานได้รับการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ส่งเสริม พัฒนาและกำกับดูแลความปลอดภัยในการทำงานในสถานประกอบการ ให้ความคุ้มครองแรงงานในระบบประกันสังคม ขณะเดียวกันรัฐบาลยังจะได้มีการพิจารณาให้มีการขึ้นค่าตอบแทนให้แก่ผู้ใช้แรงงานในขอบเขตทั่วประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน รวมถึงได้มีการจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน เพื่อให้แรงงานทุกภาคส่วนมีสิทธิ์ เสรีภาพ และความเสมอภาค สามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ สวัสดิการ หรือได้ส่วนแบ่ง ผลตอบแทนจาการทำงานอย่างเป็นธรรม และมีหลักประกันในชีวิตอย่างเพียงพอเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไป

“อาจจะมีบางเรื่องที่รัฐบาลยังดำเนินการ ไม่ครอบคลุมก็จะได้มีการดำเนินการต่อไป อาทิ เรื่องของศูนย์เด็กเล็กที่ยังไม่ครบทุกตำบลนั้น รัฐบาลได้มีการเร่งจัดทำแผนเร่งด่วนในการที่จะทำให้มีศูนย์เด็กเล็กครบทุกตำบลทั่วประเทศ นอกจากนี้รัฐบาลยังเปิดโอกาสให้ผู้ชายลาเพื่อไปเลี้ยงดูบุตรได้ 15 วัน ด้วย ขณะเดียวกันรัฐบาลได้มีการส่งเสริมสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาสำหรับแรงงานต่าง ๆ กรณีที่เป็นผู้ที่หลุดออกนอกระบบการศึกษา เช่น แรงงานที่โยกย้ายถิ่นฐาน แรงงานไร้สัญชาติ แรงงานต่างด้าว ฯลฯ”

ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับทัศนคติ นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก.พ. ได้มีการตรากฎ ก.พ. ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาเรื่องของการคุกคามทางเพศในระบบราชการเช่นเดียวกัน ฉะนั้นในภาพรวมคำประกาศเจตนารมณ์ในวันนี้ กับสิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการมาแล้วและปรากฏผลออกมานั้น เป็นสิ่งที่มีความสอดคล้องต้องกัน ส่วนมีอีกหลายเรื่องซึ่งรัฐบาลยังทำไม่เสร็จ และมีอีกหลายเรื่องที่จะต้องทำเพิ่มเติม โดยเฉพาะโครงสร้างทางสังคมยังมีความจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยน เช่น กรณีการถกเถียงค่าแรงขั้นต่ำจะเป็นประเด็นสำคัญในการกำหนดทิศทางโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยต่อไป

“ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะต้องประกาศตัวเองชัดว่า ไม่ใช่เศรษฐกิจที่จะพึ่งค่าแรงต่ำ แต่จะต้องเป็นเศรษฐกิจที่สร้างโอกาสให้กับแรงงานที่มีโอกาสที่จะเพิ่มพูนทักษะความรู้ และการที่จะมีค่าแรงที่สูงจะทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศมีความสำคัญและมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจให้ลดความเสี่ยงในการพึ่งพาเศรษฐกิจจากต่างประเทศให้น้อยลงเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามการดำเนินการดังกล่าวให้ไปสู่ความสำเร็จได้ อาจต้องใช้เวลา เพื่อให้เกิดการยอมรับจากทุกภาคส่วน โดยทุกคนจากทุกภาคส่วนในสังคมจะต้องช่วยกันดำเนินการอย่างจริงจัง สม่ำเสมอ และต่อเนื่องอย่างแท้จริงด้วย”

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการที่ได้รับข้อเสนอจากตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้แรงงาน และเครือข่ายของสตรีเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ว่า ข้อเสนอหลายเรื่องที่ตัวแทนดังกล่าวในยื่นข้อเรียกร้องนั้น หลายเรื่องรัฐบาลได้มีการดำเนินการสำเร็จลุล่วงไปเรียบร้อยแล้ว ขณะที่อีกหลายเรื่องก็อยู่ในระหว่างดำเนินการ ซึ่งในอีกหลาย ๆ เรื่องก็ยังต้องมีการทำงานร่วมกันต่อไป สำหรับการมีส่วนร่วมทางการเมืองและเรื่องอื่น ๆ นั้น คิดว่าการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ จะเป็นโอกาสดีที่พรรคการเมืองต่าง ๆ จะได้นำเสนอแนวคิดและแนวทางที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของสตรี และความก้าวหน้าหรือการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้มีความมั่นคงและมีความยั่งยืนสำหรับหญิงและชายให้เกิดความเสมอภาคกัน