- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- คปร.จ่อเปิดข้อเสนอชุด 2 สั่งลา ‘พงศ์โพยม’ ลั่นสังคมฮือฮาแน่
คปร.จ่อเปิดข้อเสนอชุด 2 สั่งลา ‘พงศ์โพยม’ ลั่นสังคมฮือฮาแน่
แจง คปร. พร้อมตบเท้าออกตาม ‘อานันท์’ เล็งผลักดันชุดความคิดเสนอ รบ. ก่อนเลือกตั้ง 10 วัน แนะพรรคการเมืองสนใจนำไปเป็นนโยบายหาเสียงได้ ชี้ชัดกระจายอำนาจอย่างเดียวไม่พอ ต้องแบ่งอำนาจจากกระทรวง ทบวง กรม ถึงปชช. จริงๆ
วันที่ 28 มีนาคม นายพงศ์โพยม วาศภูติ กรรมการปฏิรูป กล่าวในรายการสนามข่าว ทางคลื่นวิทยุ FM 101 MHz ถึงกรณีที่นายอานันท์ ปันยารชุน ประธานคณะกรรมการปฏิรูป (คปร.) เตรียมลาออกทั้งคณะก่อนการเลือกตั้งว่า นายอานันท์ มองว่าควรจะลาออกก่อนการเลือกตั้งใหม่ ส่วนถ้ารัฐบาลใหม่มาอยากจะตั้งท่านต่อก็จะพิจารณาอีกที หรืออาจจะยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีก็ได้ ซึ่งในส่วนของคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป ของนพ.ประเวศ ประเวศ วะสี นั้น มีความชัดเจนว่า การขับเคลื่อนการทำงานกันมานานแล้ว ดังนั้น ไม่ว่ารัฐบาลชุดนี้จะมาหรือไปก็ไม่มีผลแต่อย่างใด ฉะนั้น เราจึงต้องเคารพวิธีคิดของทั้งนพ.ประเวศ เช่นเดียวกันกับที่เคารพในความคิดของนายอานันท์ ซึ่งทางคณะกรรมการทุกคนก็ไม่มีปัญหาและเมื่อนายอานันท์ไปก็จะไปพร้อมกัน
นายพงศ์โพยม กล่าวถึงการทำงานที่ผ่านมาของ คปร.ว่า มีการทำงานกันมาเยอะ โดยมีชุดความคิดหลายเรื่อง หลายประเด็นที่ต้องนำเสนอ ไม่ได้หมายความว่า พอรัฐบาลชุดนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยุบสภาทาง คปร. จะออกวันนั้น แต่ยังมีภาระผูกพันที่จะต้องนำเสนอ ถึงแม้ว่าข้อเสนอที่กำลังทำจะไม่สมบูรณ์นัก แต่ต้องเสนอรัฐบาลรักษาการ และเสนอต่อสังคมแน่นอน ทั้งนี้ คิดว่า คปร.จะประกาศออกมาก่อนการเลือกตั้ง 7-10 วัน และเป็นประเด็นที่หากพรรคการเมืองใดสนใจนำไปเป็นนโยบายหาเสียงก็ได้ โดยหากประชาชนชอบใจก็อาจจะเลือกพรรคนั้นมาเป็นรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนนโยบายต่อไป
“ชุดความคิดที่ออกมาแล้ว คือ เรื่องที่ดิน และกำลังทำข้อเสนอเรื่องประกันสังคม รวมถึงข้อเสนออีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้ประกาศออกมา แต่ที่สำคัญ คือ ข้อเสนอเรื่องโครงสร้างอำนาจรัฐ ที่รับรองว่า เมื่อนำเสนอสู่สังคมจะฮือฮาพอสมควร" กรรมการปฏิรูป กล่าว
นายพงศ์โพยม กล่าวอีกว่า จากการไม่มีความเป็นธรรมและความยุติธรรมในกระบวนการของบ้านเมือง ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ทั้งเรื่องรายได้ สิทธิ โอกาส ซึ่งเหตุปัจจัยมาจากอำนาจการบริหารจัดการของรัฐ ทั้งในเรื่อที่ดิน แรงงาน การศึกษา งบประมาณและเรื่องชีวิตคนในเมืองที่วุ่นวาย จึงถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการบริหารจัดการรูปแบบใหม่ ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมและฟังเสียงประชาชนมากขึ้น ไม่อิงแนวคิดข้าราชการ หรือนักการเมืองอีกต่อไป
สำหรับการบริหารจัดการที่จะให้ประชาชนมีส่วนร่วมนั้น กรรมการปฏิรูป กล่าวว่า จะต้องผ่านกลไกภาคประชาชนเรื่องการกระจายอำนาจ การปกครองส่วนท้องถิ่น แต่ไม่ใช่ยกทั้งหมดให้ส่วนท้องถิ่นดูแล มิเช่นนั้น เท่ากับย้ายอำนาจจากข้าราชการมาเป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น หรือนักการเมืองท้องถิ่น
“คำว่า ท้องถิ่น ในความหมายของเรา คือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่รวมกับภาคประชาสังคม และสร้างกลไกให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการคิด ทำ และตรวจสอบ นอกเหนือจากที่รัฐบาลกลางดูแลอยู่แล้ว”
นายพงศ์โพยม กล่าวถึงเรื่องการแบ่งอำนาจ แม้ว่าจะกระจายอำนาจอย่างเต็มที่แล้ว แต่ถ้ายังไม่แบ่งอำนาจจากกระทรวง ทบวง กรม ลงมาให้ประชาชน ให้ท้องถิ่นดูแลรับผิดชอบก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ฉะนั้นประชาชนต้องเข้ามาดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่ใช่ทุกอย่างจะเป็นเรื่องของรัฐบาลเท่านั้น พร้อมยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมกรณีอุทกภัยภาคใต้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถจัดการได้อยู่แล้ว เพียงแต่ควรจะเพิ่มภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือยามที่เกิดภัยและฟื้นฟูภายหลังที่เกิดภัยด้วย ซึ่งไม่ควรให้เกิดภาพที่ประชาชนต้องมาเข้าแถวรับบริจาคถุงยังชีพ แต่ควรจะเป็นเรื่องที่ประชาชนตระหนักรู้ถึงปัญหา ระดับความอันตราย ขยายการรับรู้ และมีส่วนร่วมในการป้องกัน เช่น รวมตัวกันทำฝายชะลอน้ำ โดยมีรัฐบาลกลางสนับสนุนด้านงบประมาณ ประชาชนต้องมีส่วนร่วม ไม่ปล่อยให้รัฐบาลหรือหน่วยงานใดมากำหนดชะตาชีวิต
เมื่อถามถึงเงื่อนเวลาการทำงานต่อจากนี้ กรรมการปฏิรูป กล่าวว่า หลังจากยุบสภา ทาง คปร. อาจจะลาออกก่อนการเลือกตั้งประมาณ 10 วัน เพื่อที่จะได้เสนอชุดความคิด ที่เป็นผลงานจากที่ทางรัฐบาลให้งบประมาณ ให้อำนาจมา โดยมีความเป็นไปได้ ที่ชุดความคิดดังกล่าวจะทยอยออกมาเรื่อยๆ ก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งขณะนี้ คปร.กำลังเร่งทำกันอยู่ แต่อาจมีความล่าช้าบ้าง เพราะทาง คปร. โดยเฉพาะนายอานันท์ ค่อนข้างละเอียด และมีความรอบคอบในการพิจารณาแต่ละข้อเสนอที่จะออกสู่สาธารณชน