- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- กสม.รับฟังความเห็นปัญหามาบตาพุด ชี้รัฐต้องทบทวนประกาศ ทส.
กสม.รับฟังความเห็นปัญหามาบตาพุด ชี้รัฐต้องทบทวนประกาศ ทส.
นพ.ชูชัย แจงข้อเสนอเครือข่าย ปชช. ภาคตะวันออก ต้องพิจารณากระบวนการเกี่ยวกับโครงการที่เกิดผลกระทบต่อชุมชนใหม่ ยกเครื่องระบบทำ EIA / HIA จี้ให้เลิกมติ ครม. 11 ก.พ. ที่ระบุ “มาบตาพุดยังรับ รง.อุตฯ ได้อีก"
วันที่ 8 เมษายน สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ร่วมกับ มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเวทีการรับฟังความคิดเห็น “ร่างรายงานข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ต่อกรณีข้อร้องเรียนของเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก” ณ ห้องแมจิก 3 โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น
ศ.อมรา พงศาพิชญ์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า จากการที่กลุ่มเครือข่ายฯ ได้ยื่นร้องเรียนต่อ กสม. เมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553 เพื่อขอให้พิจารณาตรวจสอบความถูกต้องในการออกประกาศของรัฐบาลเกี่ยวกับโครงการ หรือกิจการที่อาจมีผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทางด้านสุขภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ ตามมาตรา 67 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญ และขอให้ติดตามความคืบหน้าในการดำเนินงานของรัฐในการแก้ไขปัญหาผลกระทบจาก การพัฒนาอุตสาหกรรมที่นิคมมาบตาพุด จ.ระยอง ทาง กสม. ได้รับการร้องเรียนดังกล่าว และพิจารณาแล้ว เห็นว่า ข้อร้องเรียนดังกล่าวเป็นกรณีที่เกี่ยวกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีผลบังคับใช้เป็นการทั่วไปด้วย ไม่ได้เฉพาะพื้นที่มาบตาพุด
"ปัญหาในลักษณะนี้เกิดขึ้นในอีกหลายพื้นที่ที่มีเขตอุตสาหกรรม กสม. จึงได้ตั้งคณะทำงานวิชาการเพื่อศึกษาและทำรายงาน ข้อเสนอเชิงนโยบาย เรื่องการคุ้มครองสิทธิชุมชนตามมาตรา 67 วรรค 2 โดยเริ่มจากการพิจารณากรณีร้องเรียน แล้วดำเนินการศึกษาวิเคราะห์ จัดทำรายงานข้อเสนอแนะ และรับฟังข้อเสนอแนะของเครือข่ายฯ เพื่อให้ตรงต่อการวัตถุประสงค์มากที่สุด”
ภายหลังจากการรับฟังความคิดเห็นของเครือขายฯ นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และกรรมการสมัชชาปฏิรูป (คสป.) กล่าวสรุปถึงผลการรับฟังความคิดเห็น พบว่า มีข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงแก้ไข ร่างรายงานการศึกษา เช่น รัฐต้องทบทวนประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในเรื่องการกำหนดประเภท ขนาด และวิธีปฏิบัติสำหรับโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชน และกระบวนการจัดทำประกาศต่างๆ ควรให้องค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ตามมาตรา 67 วรรค 2 ทำหน้าที่กำหนด เพราะจะมีความเป็นกลางมากกว่า อีกทั้งไม่มีผลประโยชน์ขัดกัน
“รัฐต้องปรับปรุงระบบ กลไก กระบวนการทำ EIA / HIA และกระบวนการติดตามตรวจสอบการกำหนดมาตรการลงโทษสำหรับอุตสาหกรรมที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข รวมทั้งการชดเชย การเยียวยา และให้รัฐยกเลิกมติ ครม. เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 ที่เห็นชอบตามมติให้มีการพิจารณาผล การศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพในการรองรับอุตสาหกรรมของพื้นที่มาบตาพุด ว่ายังสามารถรับโรงงานอุตสาหกรรมได้อีก ทั้งนี้ เมื่อ กสม. รับฟังความคิดเห็นของเครือข่ายฯ แล้ว ก็จะนำข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ดังกล่าว มาปรับเข้ากับร่างรายงานฯ”