- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ชาวระยองขานรับ มติ ครม. จัดตั้ง มจพ. แก้ปมสิ่งแวดล้อม
ชาวระยองขานรับ มติ ครม. จัดตั้ง มจพ. แก้ปมสิ่งแวดล้อม
แนะต้องเน้นหลักสูตรสังคมศาสตร์ เข้าถึงวิถีชีวิตคนระยอง ด้าน ‘สุทธิ’ ดักคอ ต้องไม่ตั้งมหาวิทยาลัยเพื่อผลิตบุคลากรเข้าภาคอุตสาหกรรม
จากกรณีเมื่อวันที่ 4 เมษายน ครม. อนุมัติโครงการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตระยอง ณ ที่ดินราชพัสดุ ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ตามที่กระทรวงศึกษาเสนอ เพื่อมุ่งบริหารจัดการโดยมีภารกิจหลักในการให้ความสำคัญกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทั้งในด้านการผลิตบัณฑิต การวิจัยและการให้บริการวิชาการแก่สังคม และถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ทันสมัยแก่หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และชุมชนต่างๆ ให้มีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้สมดุล ยั่งยืนและมีภูมิคุ้มกันมากขึ้น
ทั้งนี้มหาวิทยาลัยจะจัดการศึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในจังหวัดระยอง และส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นรากฐานของการพัฒนา เน้นการใช้เมือง เขตและพื้นที่เป็นจุดศูนย์กลางในการรวมกิจกรรมของทุกภาคส่วนเพื่อสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมในการจัดการด้านวัตถุดิบ พลังงาน สิ่งแวดล้อม ให้เป็นไปตามแบบของระบบนิเวศวิทยาที่มีการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน คำนึงถึงประโยชน์ คุณภาพชีวิตของชุมชนและผลกระทบสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก โดยยึดหลักการพัฒนา ประการ คือ 1. การมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ 2. การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน 3. การใช้หลักการพัฒนาคลัสเตอร์อุตสาหกรรมนิเวศเป็นกลไกปกป้องสิ่งแวดล้อมและแก้ไขปัญหามลพิษ ก่อให้เกิดกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มผลิตภาพการผลิต เพิ่มทุนทางสังคม ลดความขัดแย้งและก่อให้เกิดการจ้างงาน
นายรุ่งโรจน์ เฉลาฉายแสง อาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม จ.ระยอง กล่าวถึงการที่ ครม. อนุมัติจัดตั้งมหาวิทยาลัยดังกล่าวว่า เป็นสิ่งที่คนระยองต้องการ เพราะทุกวันนี้ระยองยังไม่มีมหาวิทยาลัยในพื้นที่ตนเอง ทั้งนี้ยังต้องการให้เน้นหลักสูตรที่ตรงต่อความต้องการของคนในพื้นที่เป็นส่วนใหญ่ คือ หลักสูตรของวิถีชีวิตคนระยอง จะต้องมุ่งเน้นให้มากกว่าหลักสูตรที่เรียนแล้วนำมาใช้ดำรงชีวิตไม่ได้
“สำหรับหลักในการพัฒนา 3 ประการ ที่มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และการพัฒนาคลัสเตอร์อุตสาหกรรมนิเวศเพื่อเป็นกลไกปกป้องสิ่งแวดล้อมนั้น เห็นว่า เป็นสิ่งที่ตรงต่อความต้องการของชาวระยอง และเฝ้าติดตามมาพอสมควรว่ามหาวิทยาลัยจะออกมาในรูปแบบไหน ซึ่งหากมีหลักสูตรที่สนองต่อคนในพื้นที่ก็จะเป็นประโยชน์ และเป็นทางหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมให้คนระยองได้”
ขณะที่นายสุทธิ อัชฌาศัย เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก กล่าวว่า การมีสถาบันการศึกษา หรือสถาบันการวิจัย เป็นสิ่งที่ชาวระยองไม่ปฏิเสธ เพราะหากมีสถาบันการศึกษามาคิดค้นหลักสูตรวิชาที่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ และมีการวิจัยอย่างต่อเนื่องก็นับว่าเป็นเรื่องดี ที่จะช่วยทำให้เรื่องราวทางวิชาการเติมเต็มมากขึ้น แต่หากมีที่เดียวก็คงยังไม่เพียงพอ
“ส่วนที่สำคัญ คือ ตัวหลักสูตร ภาควิชา การเรียนการสอน การคิดค้นในเชิงวิจัยและการจัดการความรู้ของคนในพื้นที่ เพื่อกำหนดทิศทางการศึกษาที่สอดคล้องต่อความเป็นจริง จุดนี้จะเป็นเรื่องที่ตรงและดีที่สุด ทั้งนี้การจัดตั้งมหาวิทยาลัยจะต้องไม่ใช่การตั้งเพื่อที่จะเดินหน้าด้านผลิตบุคลากรป้อนสู่ภาคอุตสาหกรรม”
นายสุทธิ กล่าวต่อว่า ในส่วนของหลักการพัฒนาที่มีการตั้งธงเรื่องคลัสเตอร์ เรื่องการมีส่วนร่วม และการตอบสนองแก่คนในท้องถิ่นก็เป็นเรื่องที่เห็นด้วย แต่สำหรับเรื่องคลัสเตอร์อุตสาหกรรมนิเวศยังไม่เห็นด้วย เพราะท้ายที่สุดแล้ว ‘อุตสาหกรรมนิเวศ’ ก็จะกลายเป็นแค่วาทกรรม ที่เกิดขึ้นจริงไม่ได้
“ต้องมาจับตาดูต่อว่าเนื้อหาและรูปแบบของ คลัสเตอร์อุตสาหกรรมนิเวศ จะมีความเป็น ‘เมืองนิเวศน์’ หรืออีโคทาวน์ (Eco-town) เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนแบบใดบ้าง มีตัวชี้วัดอะไร และความสามารถของประเทศไทยจะทำได้มากน้อยแค่ไหน ไม่อย่างนั้น แนวคิดต่างๆ ที่เสนอมาก็จะกลายเป็นเพียงวาทกรรมที่สวยหรูเท่านั้น”
นายสุทธิ กล่าวด้วยว่า การที่มหาวิทยาลัยมุ่งสู่การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมนั้นนับเป็นเรื่องดี แต่ทั้งนี้หลักสูตรในการศึกษาจะต้องมีทั้งวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์อยู่ร่วมกัน ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว เพื่อให้ตรงต่อความต้องการ และต้องส่งเสริมการวิจัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของทั้งตลาด ความสามารถของจังหวัดและของภาคตะวันออก