- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- คปร. แถลงข้อเสนอชุด 2 “ปฏิรูปโครงสร้างอำนาจ”
คปร. แถลงข้อเสนอชุด 2 “ปฏิรูปโครงสร้างอำนาจ”
“อานันท์” ยัน กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ไม่กระทบฐานะความเป็นรัฐเดี่ยวของไทย “พงษ์โพยม” ฉะรัฐอย่างทำตัวเป็นคุณพ่อรู้ดี ทำทุกอย่างแทนท้องถิ่น
วันที่ 18 เมษายน นายอานันท์ ปันยารชุน ประธานคณะกรรมการปฏิรูป (คปร.) และคณะกรรมการปฏิรูป แถลงข่าว “ข้อเสนอการปฏิรูปโครงสร้างอำนาจ” ณ เรือนไทยพันธมิตร บ้านพิษณุโลก กรุงเทพ
นายอานันท์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาศูนย์กลางเข้าไปทำแทนท้องถิ่นทั้งหมด เนื่องจากความคิดที่ว่าไม่พร้อม จึงไปคิดแทนทำแทน ซึ่งสิ่งเหล่านี้นับว่าไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ และสังคมไทยมีความสลับซับซ้อน การบริหารแบบรวมศูนย์ไม่มีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดปัญหามาก การกระจายอำนาจการบริหารย่อมเปิดพื้นที่การต่อรองแก่คนทุกกลุ่ม อีกทั้งยังทำให้ประชาชนในท้องถิ่นต่างๆ สามารถอยู่ร่วมกับกระแสโลกาภิวัตน์ได้ โดยไม่เสียเปรียบ ขณะเดียวกันยังส่งผลให้การทุจริตฉ้อฉลที่ส่วนกลางลดขนาดลง
“การเสนอแนวทางดังกล่าว ไม่ได้ต้องการให้เป็นเช่นเดียวกับประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีทั้งรัฐบาลท้องถิ่นควบคู่ไปกับรัฐบาลกลาง แต่จะยังคงมีแนวทางเดิมคือมีรัฐบาลเดียว เพียงแต่กระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น อย่างเช่นในประเทศญี่ปุ่น”
ด้านนายพงษ์โพยม วาศภูติ กรรมการปฏิรูป กล่าวว่า การทำตัวเป็นคุณพ่อรู้ดีแล้วไปทำแทนลูกทุกอย่าง ในที่สุดประชาชนก็จะอ่อนแอ เนื่องจากประชาชนไม่เคยทำอะไรด้วยตนเอง ยกตัวอย่างเช่น การอุ้มลูกตลอดเวลา ไม่เคยปล่อยให้เดินด้วยตนเอง ฉะนั้นต่อให้อายุ 10 ขวบก็ยังเดินไม่เป็น แต่หากลองปล่อยให้เดินรับรองแค่ 4-5 วันต้องเดินได้แน่นอน
สำหรับข้อเสนอการปฏิรูปโครงสร้างอำนาจ มีสาระสำคัญดังนี้ 1.ยกเลิกการบริหารราชการส่วนภูมิภาคลงทั้งหมด โอนอำนาจบริหารจัดการทรัพยากรท้องถิ่น, เศรษฐกิจท้องถิ่น, สังคมท้องถิ่น และการเมืองท้องถิ่นให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดย อปท.จะเป็นผู้จัดการเกี่ยวกับที่ดิน ป่า น้ำ ฯ การศึกษา การวางแผนพัฒนาของท้องถิ่น รวมทั้งสามารถกำหนดอัตราภาษีบางประเภทในท้องถิ่นได้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ ยังสามารถออกกฎเกณฑ์บางประการ และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจของท้องถิ่นเอง เพื่อดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและการบังคับใช้กฎเกณฑ์ดังกล่าว 2.สร้างกระบวนการทางการเมือง ที่เปิดพื้นที่ให้ประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมกับ อปท. ในการบริหารจัดการอย่างเป็นรูปธรรม โดยเสนอให้ตั้งกรรมการประชาสังคมขึ้นในท้องถิ่นทุกระดับ เพื่อให้คำแนะนำและตรวจสอบโครงการที่ อปท.เสนอ ทั้งนี้ แม้ว่าจะไม่มีอำนาจเท่าสภาท้องถิ่นในการยับยั้งโครงการ แต่อาจมีมติบังคับให้นำประเด็นที่เกิดความขัดแย้งไปสู่การลงประชามติได้
"3. รัฐบาลกลางยังมีภาระหน้าที่รับผิดชอบกิจการระดับชาติ เช่น การป้องกันประเทศ การจัดเก็บภาษี การกำหนดและควบคุมมาตรฐานกลางที่จำเป็น ฯลฯ แต่รัฐบาลกลางจะไม่มีอำนาจในการแต่งตั้ง ถอดถอนผู้บริหาร อปท.หรือพนักงานในสังกัด อปท. นอกจากที่กฎหมายให้อำนาจไว้ 4. เพื่อให้ อปท. มีกำลังในการปฏิบัติภาระหน้าที่ดังกล่าว ต้องปฏิรูประบบการคลังและการบริหารบุคลากรของท้องถิ่น โดยแต่ละท้องถิ่นจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากส่วนแบ่งภาษี มีอำนาจการจัดเก็บภาษีบางประเภท รวมทั้งได้รับงบประมาณสนับสนุนจากส่วนกลาง การลงทุน การกู้ยืม ตลอดจนการร่วมทุนหรือจัดตั้งกองทุนได้ด้วยตนเอง อีกทั้งจะต้องมีระบบและรูปแบบการบริหารงานบุคคลที่เหมาะสมสำหรับท้องถิ่นด้วย"
ทั้งนี้ จากแถลงการณ์ของคณะกรรมการปฏิรูปว่าด้วยแนวทางปฏิรูปโครงสร้างอำนาจ ระบุว่า การปฏิรูปโครงสร้างอำนาจตามทิศทางดังกล่าว ไม่ใช่การรื้อถอนอำนาจรัฐ แต่เป็นการช่วยเสริมความเข้มแข็งและลดแรงกดดันที่มีต่อรัฐ ขณะดียวกันการกระจายอำนาจสู่ชุมชนท้องถิ่น การกระจายอำนาจจากรัฐสู่ภาคประชาสังคมโดยรวม ยังช่วยลดความเหลือมล้ำในสังคมและส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในระดับชาติ เนื่องจากอำนาจสั่งการและผลประโยชน์ที่ส่วนกลางกุมอำนาจไว้มีปริมาณลดลง ผู้ชนะบนเวทีแข่งขัน ชิงอำนาจจึงไม่ได้ทุกอย่าง ทำให้ความขัดแย้งไม่จำเป็นต้องเอาเป็นเอาตาย ฉะนั้น การปฏิรูปโครงสร้างอำนาจดังกล่าว จึงนับว่าเป็นการปฏิรูปการเมืองอีกวิธีหนึ่ง