- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ผู้ตรวจการแผ่นดิน เล็งร่าง พ.ร.บ.ตัวแทนอำพรางฯ หวั่นต่างชาติฮุบที่ดินไทยเรียบ
ผู้ตรวจการแผ่นดิน เล็งร่าง พ.ร.บ.ตัวแทนอำพรางฯ หวั่นต่างชาติฮุบที่ดินไทยเรียบ
“ศ.ศรีราชา” แจง ชาวต่างชาติถือครองที่ดินเมืองไทยกว่า 100 ไร่ กินพื้นที่เกาะภูเก็ต-เกาะสมุย-เกาะช้างยันภาคเหนือ เชื่อ ปล่อยไว้อนาคตคนไทยหมดโอกาสมีที่ดินทำกิน
วันที่ 28 มิถุนายน สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน จัดเสวนา “ปัญหาการเข้ามาถือสิทธิในที่ดินของคนต่างด้าวในนามของตัวแทนอำพราง” ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ โดยมี ศ.ศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน ปาฐกถาเรื่อง “ความสำคัญของปัญหาการเข้ามาถือสิทธิในที่ดินของคนต่างด้าวในนามของตัวแทนอำพราง”
ศ.ศรีราชา กล่าวว่า ประเทศไทยมีลักษณะทางกายภาพที่ดี อีกทั้งมีความเป็นมิตร ทำให้คนต่างด้าวต้องการเข้ามาอยู่อาศัยและประกอบธุรกิจ โดยที่ผ่านมามีความพยายามในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อต้องการถือสิทธิที่ดินในไทย อาทิ การอ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ โฉนดที่ดิน โฉนดแผนที่ โฉนดตราจอง รวมทั้งการอ้างสิทธิครอบครองที่ดินที่มีเอกสารสิทธิประเภทใบจอง หนังสือรับรองการทำประโยชน์ เป็นต้น
“ขณะนี้พื้นที่ของประเทศไทยถูกชาวต่างชาติครอบครองประมาณ 1 ใน 3 หรือประมาณ 100 ล้านไร่ โดยเฉพาะพื้นทางเศรษฐกิจ ริมชายหาด ริมทะเลมีการถือครองมากถึงร้อยละ 90 อันดับหนึ่งคือเกาะภูเก็ต รองลงมาเป็นเกาะสมุย เกาะช้าง รวมถึงบริเวณริมทะเลฝั่งอ่าวไทย เช่น พัทยา ชะอำ หัวหิน ขณะที่ทางภาคเหนือมีการถือครองที่ดินจำนวนมากในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ ส่วนภาคอีสานซึ่งมีชาวต่างด้าวอาศัยอยู่จำนวนมาก กลับยังไม่พบการถือครองดังกล่าว”
ศ.ศรีราชา กล่าวถึงการใช้ประโยชน์ที่ดินของชาวต่างชาติว่า ส่วนใหญ่จะนำที่ดินไปประกอบกิจการโรงแรมที่พัก ใช้ในการตั้งถิ่นฐาน หรือไม่ก็สร้างบ้านหลังที่สอง เพื่อเดินทางมาพักผ่อนและหลบหนาวในประเทศไทย ซึ่งความนิยมดังกล่าว ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการถือครองที่ดิน ดังนั้น ถึงเวลาที่จะต้องมีกฎหมายจัดการกับนอมินี (Nominee) หรือตัวแทนอำพราง เพื่อแก้ปัญหาการกว้านซื้อที่ดินของคนต่างด้าว เช่นเดียวกับประเทศออสเตรเลีย เมื่อถูกบริษัทข้ามชาติจากประเทศการ์ต้า จีน บราซิล สิงคโปร์เข้าไปกว้านซื้อที่ดินการเกษตรจำนวนหลายหมื่นไร่ ก็ใช้วิธีแก้กฎหมายและเพิ่มโทษให้เข้มข้นขึ้น
ศ.ศรีราชา กล่าวถึงการแก้ปัญหาการถือครองที่ดินโดยนอมินีในประเทศไทยว่า จะต้องแก้ไขกฎหมายที่มีอยู่เดิมให้รัดกุม สร้างเงื่อนไขการถือครองให้เข้มงวดมากขึ้น ขณะเดียวกันจะต้องมีการร่างพระราชบัญญัติตัวแทนอำพราง เพื่อเอาผิดกับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ถือครองที่ดินโดยไม่ได้รับอนุญาต เข้าไปเช่าหรือถือครองที่ดินเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
“หลักการก็คือหากต่างชาติต้องการทำธุรกรรมโดยอาศัยตัวแทน จะหลีกเลี่ยงกฎหมายของไทย หรือทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดความสูญเสียต่อคนไทย หรือทำให้ประเทศตกอยู่ในฐานะเสียเปรียบไม่ได้ หลักการของกฎหมายดังกล่าวจะมีลักษณะเทียบเคียงกับกฎหมายการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ที่จะค่อยๆ ขยายฐานวิธีการและฐานความผิดต่อไปเรื่อยๆ อีกทั้งหากใครทำผิดกฎหมายก็จะเข้าฐานความผิดของกฎหมายตัวแทนอำพรางด้วย ส่วนบทกำหนดโทษจะเทียบเคียงกับกฎหมายหลักที่ได้กระทำผิด แต่จะลงโทษเพิ่มไปอีก 1-2 เท่าตัว หากเป็นชาวต่างชาติก็จะริบทรัพย์สินและเนรเทศออกนอกประเทศ”
ศ.ศรีราชา กล่าวต่อว่า การที่คนต่างด้าวเข้าถือครองอสังหาริมทรัพย์โดยตัวแทนอำพราง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคงของประเทศ รวมทั้งเศรษฐกิจและสังคมในเชิงลบ ดังนี้ 1.ความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยจะด้อยกว่าต่างชาติ โดยเฉพาะที่ดินในจุดยุทธศาสตร์ แหล่งธุรกิจ หรือที่ดินใจกลางเมือง เช่น กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต และเชียงใหม่ 2.ความสามารถในการเข้าถึงที่ดินของคนไทยจะลดลง เพราะราคาที่ดินปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โอกาสที่คนไทยจะเป็นเจ้าของที่ดินจึงมีความเป็นไปได้น้อย โดยเฉพาะคนชั้นกลางและผู้ใช้แรงงาน 3.ประเทศจะขาดความมั่นคงทางอาหาร เพราะที่ดินเกษตรกรรมถูกต่างชาติซื้อไป ทั้งนี้ ในทางเศรษฐศาสตร์ที่ดินถือเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญ อีกทั้งยังเป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่า ดังนั้น ที่ดินในประเทศไทยจึงควรสงวนไว้ให้คนไทยเท่านั้น
ทั้งนี้ ศ.ศรีราชา กล่าวด้วยว่า กฎหมายฉบับดังกล่าวจะร่างเสร็จประมาณเดือนสิงหาคม จากนั้นจะมีการทำประชาวิจารณ์ เพื่อให้ได้รับรู้แนวคิดจากหลายภาคส่วน ก่อนที่จะมีการบังคับใช้ นอกจากนี้จะมีการลงพื้นที่ตรวจสอบกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้านว่า ที่ดินแห่งไหนบ้างที่มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่หรือเป็นเจ้าของ พร้อมทั้งสอบสวนต่อไปว่าที่ดินดังกล่าวถือครองโดยนอมินีหรือไม่
เมื่อถามว่าระหว่างชาวต่างด้าวถือครองที่ดินกับถือครองครองหุ้น สิ่งใดร้ายแรงและตรวจสอบยากกว่า ศ.ศรีราชา กล่าวว่า การถือครองที่ดินร้ายแรงกว่ามาก เพราะที่ดินเป็นเครื่องมือทำมาหากินเลี้ยงปากท้องของประชาชน อีกทั้งเรื่องการตรวจสอบก็สามารถทำได้ง่ายกว่าเรื่องหุ้น ที่มีลักษณะเข้าไวออกไวอีกด้วย
จากนั้นมีการเสวนาเรื่อง “ปัญหาการเข้ามาถือสิทธิในที่ดินของคนต่างด้าวในนามตัวแทนอำพราง” โดยมีผศ.อิทธิพล ศรีเสาวลักษณ์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รศ.ศิริพร สัจจานันท์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ดร.สุจิต จงประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการทะเบียนที่ดิน กรมที่ดิน ร่วมเสวนา
รศ.ศิริพร กล่าวว่า การถือครองที่ดินอำพรางเกิดขึ้นในหลายรูปแบบ อาทิ การถือครองโดยผ่านการจดทะเบียนสมรสกับคนไทย การจดทะเบียนสิทธิเก็บกิน หรือกระทั่งการจดทะเบียนประกอบธุรกิจที่ผิดประเภท ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าว ควรปรับให้ชาวต่างชาติมีสิทธิเช่าที่ดินในระยะยาวแทนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ด้วยการจดทะเบียน อีกทั้งจะต้องมีการจัดโซนนิ่งพื้นที่ประกอบธุรกิจบางประเภทที่ส่งผลกระทบต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม
ด้านดร.สุจิต กล่าวว่า กฎหมายเกี่ยวกับที่ดินบางส่วนในปัจจุบันสามารถควบคุมปัญหาการถือครองที่ดินของคนต่างด้าวได้ในระดับหนึ่ง เช่น เรื่องกฎเกณฑ์การได้มาซึ่งที่ดินของคนต่างด้าวที่สมรสกับบุคคลสัญชาติไทย ฯ ดังนั้น ในความเป็นจริงปัญหาการเข้ามาถือครองที่ดินของคนต่างด้าว น่าจะมีสาเหตุจากตัวบุคคลหรือความบกพร่องของรัฐมากกว่า
ขณะที่ ผศ.อิทธิพล กล่าวถึงแนะทางการแก้ไขปัญหาการถือสิทธิในที่ดินของคนต่างด้าวในนามตัวแทนอำพรางว่า หน่วยงานต่างๆ จะต้องมีการแบ่งปันข้อมูลระหว่างกัน เพื่อให้มีการบริหารจัดการมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ อาจมีการจัดตั้งหน่วยงานกลางเข้ามาทำหน้าที่ประสานงานระหว่างหน่วยงาน