- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- อ.รัฐศาสตร์ มสธ. เปิดโมเดล เลือกนายกฯโดยตรง ทางลัดประชาธิปไตยไทย
อ.รัฐศาสตร์ มสธ. เปิดโมเดล เลือกนายกฯโดยตรง ทางลัดประชาธิปไตยไทย
ดร.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ เชื่อเลือกนายกฯ –ครม.โดยตรง ลดการซื้อเสียงได้ชะงัด ยันไม่จำเป็นต้องเดินตามก้นฝรั่ง เหตุสังคมไทยมีลักษณะพิเศษ จำเป็นต้องคิดโมเดลของตัวเองขึ้นมา ชี้ลอกเลียนแบบไปก็ไร้ประโยชน์
วันที่ 28 มิถุนายน เครือข่ายพลเมืองอภิวัตน์ ร่วมกับ สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา สำนักงานปฏิรูป และอีกหลายองค์กร จัดเวที “20คมความคิด 20ปฏิบัติการเปลี่ยนประเทศไทย” ณ ห้องประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดย ศ.ดร.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมมาธิราช กล่าว ในหัวข้อ “เลือกนายกฯโดยตรง ทางลัดประชาธิปไตยไทย”
ศ.ดร.ธีรภัทร์ กล่าวถึงการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีโดยตรงว่า ไม่ใช่เรื่องใหม่ เคยมีนักวิชาการเสนอมาก่อนแล้วตั้งแต่ พ.ศ.2512 ในหนังสือเรื่อง ประชาธิปไตยกับกระบวนการทางการเมือง โดยเชื่อว่า การเลือกตั้งนายกฯ โดยตรงจะช่วยแก้ปัญหาการขาดเสถียรภาพทางการเมืองได้ ซึ่งเปรียบเหมือนให้ประชาชนเข้ามาวงในทางการเมือง เข้ามามีบทบาททางการเมืองได้
ศ.ดร.ธีรภัทร์ กล่าวว่า การให้ประชาชนเลือกตั้งนายกฯ โดยตรง หากมีข้อจำกัด สามารถทดลองเลือกเป็นคณะรัฐมนตรีโดยตรงได้หรือไม่ โดยใช้เขตประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง แยกออกจากการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งจะทำให้ ส.ส. ทำหน้าที่นิติบัญญัติเพียงอย่างเดียว ไม่มีสิทธิ์เลือกนายกฯ ไม่มีสิทธิ์เป็นรัฐมนตรี
“ผลดีที่จะเกิดขึ้น คือ ลดปัญหาการซื้อเสียงได้อย่างชะงัด เพราะจำนวน ส.ส. จะไม่เกี่ยวกับใครจะได้เป็นหรือไม่ได้เป็นนายกฯ ฉะนั้นคนที่มาเป็น ส.ส.รู้ตัวแค่ว่ามาทำหน้าที่นิติบัญญัติเท่านั้น ส่วนการเลือกครม.โดยตรงใช้เขตประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง ก็จะทำให้การซื้อเสียงลดลงอย่างเห็นได้ ที่สำคัญ การเมืองจะเป็นการต่อสู้ด้วยนโยบายโดยแท้ ซึ่งจะนำไปสู่เสถียรภาพและประสิทธิผล”
อาจารย์รัฐศาสตร์ มสธ. กล่าวอีกว่า ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องเดินตามก้นต่างประเทศ เพราะสังคมไทยเป็นสังคมที่มีลักษณะที่พิเศษเป็นตัวของตัวเอง เราจึงจำเป็นต้องคิดโมเดลของตัวเองขึ้นมา การไปลอกเลียนแบบไม่มีประโยชน์
“วันที่ 3 ก.ค.หลายคนมีความกังวล ว่า ใครจะมาเป็นรัฐบาล ผมตอบได้เลยว่า ไม่ว่าฝ่ายใดจะขึ้นเป็นรัฐบาล เละทั้งคู่ ทำนายไว้ตอนนี้ 90% เละ ขณะนี้ผมไม่สนใจใครจะมาเป็นรัฐบาล แต่ไม่สนใจว่า เมื่อเป็นรัฐบาลแล้วจะทำอะไรบ้าง ไม่ใช่แค่แค่นโยบายที่นำเสนอ แล้วจะหาเงินมาอย่างไร”
ส่วนการที่พรรคการเมืองที่คิดว่า เมื่อเป็นรัฐบาลได้เสียงข้างมากแล้วจะมีเสถียรภาพนั้น ศ.ดร.ธีรภัทร์ กล่าวว่า ปัจจุบัน เป็นการเมืองภาคประชาชน การเมืองที่การมีส่วนร่วมของประชาชนสูงมาก พลังนอกสภาฯ สามารถเป็นพลังต่อรองทางการเมืองได้ เช่น หากมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ก็จะมีกลุ่มต่างๆ ออกมาเรียกร้อง เดินขบวน เป็นต้น อีกวิธีอาจยื่นเรื่องให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบ ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ฟ้องผ่านกระบวนการยุติธรรมให้ถอดถอน เป็นต้น สุดท้ายที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า กองทัพเป็นอิทธิพลสำคัญในสังคมไทยด้วย
“พลังประชาชน กระบวนการยุติธรรมไทย และกองทัพ 3 พลังนี้ คือตัวถ่วงดุลอยู่ ซึ่งหากเป็นรัฐบาลแล้วทำสิ่งไม่ถูกไม่ต้อง ไม่ทำทำหน้าอย่างตรงไปมาและทำเพื่อผลประชาชน ดังนั้น รัฐบาลใหม่ต้องรีบปฏิรูปการเมืองใหม่ แก้ไขเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น อย่างเร่งด่วน”
ช่วงท้ายศ.ดร.ธีรภัทร์ กล่าวด้วยว่า ถ้าเราจะต้องปกครองระบอบประชาธิปไตย เราต้องปฏิวัติเรื่องการศึกษาทางการเมืองใหม่หมด มิเช่นนั้นระบอบประชาธิปไตยจะเดินหน้าไปไม่ได้ ไม่แต่เพียงต้องจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่เท่านั้น ต้องปฎิวัติระบบการศึกษาจากข้างล่าง ยกระดับการให้การศึกษาทางการเมืองให้กับประชาชนขึ้นมา ทำคู่ขนานกัน ต้องใช้พลัง ใช้ความเข้าใจของคนอีกจำนวนมาก ถึงจะเปลี่ยนประเทศให้เดินไปสู่ประชาธิปไตยเชิงคุณภาพ เพราะไม่อย่างนั้นก็จะฆ่ากัน
“ผมบอกได้เลยว่า อันตรายอย่างยิ่งโดยเฉพาะการมีหมู่บ้านเสื้อแดง ขอเสียทีหยุดได้แล้ว ผมว่า ควรเข้ามาสู่กรอบกติกาของรัฐสภาได้แล้ว”