- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- 'สาทิตย์' เปิดอุปสรรคการดำเนินงานโฉนดชุมชน
'สาทิตย์' เปิดอุปสรรคการดำเนินงานโฉนดชุมชน
รมต.ประจำสำนักนายกฯ พบการดำเนินงานโฉนดชุมชน ติดระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. 2553 มีฐานะทางกม.เป็นเพียงระเบียบ ยันอนาคตต้องปรับปรุงกม.ที่เกี่ยวข้องด้วย
วันที่ 20 กรกฎาคม เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม 501 ชั้น 5 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน ครั้งที่ 4/2554 โดยภายหลังการประชุมรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติให้ดำเนินการสำรวจและตรวจสอบพื้นที่เพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน จำนวน 65 ชุมชน ได้แก่ ภาคเหนือจำนวน 52 ชุมชน ใน 6 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.ตาก จ.น่าน จ.แม่ฮ่องสอน จ.ลำปาง ภาคใต้จำนวน 7 ชุมชน ใน 5 จังหวัด ได้แก่ จ.กระบี่ จ.ตรัง จ.พังงา จ.ภูเก็ต จ.สุราษฎร์ธานี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวน 6 ชุมชน ใน 4 จังหวัด ได้แก่ จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ จ.ศรีสะเกษ จ.อุบลราชธานี
นอกจากนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้แถลงสรุปผลการดำเนินงานโฉนดชุมชนตั้งแต่มีระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. 2553 จนถึง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2554 มีชุมชนยื่นคำขอเพื่อดำเนินงานโฉนดชุมชน จำนวน 428 ชุมชน ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการดำเนินงาน จำนวน 191 ชุมชน (ภาคเหนือ 90 ชุมชน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 42 ชุมชน ภาคใต้ 49 ชุมชน ภาคกลางและกรุงเทพมหานคร 10 ชุมชน) โดยมีชุมชนที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินการสำรวจและตรวจสอบพื้นที่ 138 ชุมชน สำรวจตรวจสอบแล้ว 133 ชุมชน และนำเสนอคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน (ปจช.) เพื่ออนุมัติให้ดำเนินงาน 75 ชุมชน ปจช. อนุมัติให้ดำเนินงาน 55 ชุมชน
ทั้งนี้ หน่วยงานที่ดูแลรักษาที่ดินได้อนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินแล้ว 2 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนสหกรณ์บ้านคลองโยง จำกัด จังหวัดนครปฐม และชุมชนสหกรณ์การเกษตรโฉนดชุมชนป่าซาง จำกัด จังหวัดลำพูน โดยชุมชนที่ยื่นคำขอดำเนินงานโฉนดชุมชนอีกจำนวน 237 ชุมชน ได้ตรวจสอบเอกสารหลักฐานและขอให้ชุมชนได้จัดส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมแล้ว และจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
สำหรับปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานโฉนดชุมชนนั้น เนื่องจากระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. 2553 มีฐานะทางกฎหมายเป็นเพียงระเบียบจึงทำให้การปฏิบัติงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับกฎหมายอื่น เช่น ประมวลกฎหมายที่ดิน พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 เป็นต้น มีข้อจำกัดบางประการ ดังนั้น เมื่อปฏิบัติงานไประยะหนึ่งอาจต้องปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือยกร่างกฎหมายเพื่อรองรับนโยบายโฉนดชุมชนเพื่อให้มีแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ดินอย่างยั่งยืนต่อไป ซึ่งในปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการในการจัดทำร่างพระราชบัญญัติโฉนดชุมชน
นอกจากนี้ ในส่วนของกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับของหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลที่ดิน เช่น กรมธนารักษ์ กรมที่ดิน ได้กำหนดให้มีการใช้ประโยชน์ในที่ดินโดยการขอเช่าหรือขอสัมปทาน ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักการดำเนินงานโฉนดชุมชนที่ให้ชุมชนมีสิทธิ์ร่วมกันทั้งแปลง ซึ่งคณะรัฐมนตรีในคราวประชุมเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2554 มีมติให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมีภารกิจ ในการดำเนินงานโฉนดชุมชนตามกฎหมายเพื่อเป็นหน่วยงานที่ขอใช้ประโยชน์ในที่ดิน และนำที่ดินดังกล่าว มาบริหารจัดการให้กับชุมชนตามแนวทางการดำเนินงานโฉนดชุมชนต่อไป