- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- พบตัวเลขถือครองที่ดินในกทม. คนรวย-จน ต่างกันกว่า 2 แสนเท่า
พบตัวเลขถือครองที่ดินในกทม. คนรวย-จน ต่างกันกว่า 2 แสนเท่า
ที่ปรึกษาเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ จวกรัฐบาลที่ผ่านมาไม่มีเจตนารมณ์ที่แท้จริง แก้ไขปัญหาการกระจายการถือครองที่ดินที่เป็นธรรม ขณะที่มีกฎหมายการจำกัดการถือครองที่ดิน กฎหมายเก็บภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้าก็ยังไม่มี
วันที่ 22 กรกฎาคม เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย (คปท.) และ สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดเสวนาชุดองค์ความรู้ "ความไม่เป็นธรรมเชิงโครงสร้างกับการถือครองที่ดินและการจัดการที่ดินในสังคมไทย" ภายใต้โครงการพัฒนาความเป็นธรรมทางสังคมเพื่อสังคมสุขภาวะ สสส. ณ ห้องประชุมชั้น 4 อาคารวิศิษฐ์-ประจวบเหมาะ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีอาจารย์ปิยาพร อรุณพงษ์ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หัวหน้าโครงการศึกษาการถือครองที่ดินและจัดการที่ดินกับความเป็นธรรมทางสังคม และคณะ นำเสนอรายงานขั้นต้น (Inception Report) ในโครงการศึกษา “การถือครองที่ดินและการจัดการที่ดินกับความเป็นธรรมทางสังคม จากกรณีศึกษาความไม่เป็นธรรมในการจัดการที่ดินและการถือครองที่ดิน 11 กรณีศึกษา เช่น ภาคเหนือ ชุมชนบ้านโป่ง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พื้นที่ดอนฮังเกลือ ต.บึงเกลือ จ.ร้อยเอ็ด และภาคกลาง สหกรณ์บ้านคลองโยง จ.นครปฐม ฯลฯ
ช่วงหนึ่งของการนำเสนข้อมูล น.ส.พงษ์ทิพย์ สำราญจิตต์ ที่ปรึกษา คปท. กล่าวถึงประเด็นปัญหาหลักๆ ที่พบในสังคมไทย โดยเฉพาะเรื่องที่ดินกระจุกตัวนั้น ล่าสุดมีข้อมูลจาก ผศ.ดร.ดวงมณี เลาวกุล คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า ตัวเลข 50 รายแรกที่ถือครองที่ดิน ในกรุงเทพ กับ 50 รายที่ถือครองที่ดินต่ำสุด มีมูลค่าต่างกัน 290,000 เท่า ซึ่งที่ดินกระจุกตัวแบบนี้มีอยู่มหาศาล และไม่ได้ถูกกระจายไปให้กับคนจนทั่วประเทศได้ใช้ที่ดินอย่างเป็นธรรม
“นอกจากนี้ยังพบว่า การถือครองที่ดินของเอกชน เป็นการถือครองที่ผิดกฎหมายจำนวนมาก โดยกระบวนการการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ ก็ยังไม่มีการแก้ไข อธิบดีกรมที่ดิน มีอำนาจเพียงผู้เดียวจะเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ของกรมที่ดินได้”ที่ปรึกษา คปท. กล่าว และตัวอย่างกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงพื้นที่ที่สุราษฎร์ธานี ไปค้นพบบริษัทน้ำปาล์มออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินโดยมิชอบ นส.3ก ในพื้นที่ของสปก. แต่อธิบดีกรมที่ดินทำหนังสือแย้งว่า แม้ดีเอสไอจะบอกออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ แต่กรมที่ดิน เห็นว่าออกโดยชอบแล้ว เป็นต้น
น.ส.พงษ์ทิพย์ กล่าวถึงประเด็นปัญหา ของ คปท.ที่พบ คือ มีการการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบในที่ดินชาวบ้าน ที่สาธารณะประโยชน์ ชาวบ้านอยู่มาหลายร้อยปีบริเวณเทือกเขาบรรทัด ที่ตรัง หรือที่ภาคเหนือ แต่กรมอุทยานฯมาประกาศเขตอุทยานแห่งชาติ เขตป่าสงวนทับที่ชาวบ้าน และแม้จะพิสูจน์ได้ แต่ทางศาลยึดตามตัวบทกฎหมาย ทำให้ชาวบ้านต้องย้ายออกจากพื้นที่ ซึ่งมีกรณีแบบนี้ค่อนข้างมาก รวมไปถึงที่ดินคนจนเมืองทั่วประเทศที่มีอยู่ประมาณ 3,000 กว่าชุมชน ก็ไม่ได้ถูกจัดการอย่างเป็นธรรม
“สภาพปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากเราไม่มีนโยบายไม่มีกฎหมายมาช่วยแก้ปัญหาให้เป็นธรรมได้ เช่น ไม่มีกฎหมายการจำกัดการถือครองที่ดิน รัฐบาลที่ผ่านมาไม่มีเจตนารมณ์ที่แท้จริงที่ต้องการแก้ไขปัญหาหรือกระจายการถือครองที่ดินที่เป็นธรรม ไม่มีกฎหมายเก็บภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า มาช่วยจัดการการถือครองที่ดินของคนรวย และภาคประชาชนไม่มีช่องทางในการเข้ามามีส่วนร่วมในการพิสูจน์สิทธิ์ที่ดิน หรือทำงานร่วมกับภาครัฐในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ หนำซ้ำพอถูกดำเนินคดีก็ยังเจอปัญหาไม่รู้จะไปทางไหน”
ที่ปรึกษา คปท. กล่าวด้วยว่า ก ทางเครือข่ายฯ มีข้อเสนอเรื่องปฏิรูปที่ดินไปก่อนหน้านี้แล้ว ใน 6 ประเด็น แต่ที่ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ คือ ข้อเสนอการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ในประเด็นสิทธิชุมชน หรือประเด็นที่ชาวบ้านควรมีสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ เมื่อคดีเกิดขึ้นทำอย่างไรถึงจะยับยั้งคดีเหล่านี้ได้ หรือคดีที่เกี่ยวข้องกับสิทธิชุมชน เป็นไปได้หรือไม่จะไม่สั่งฟ้อง และเป็นไปได้หรือไม่ให้มีการแก้ไขในระดับนโยบายก่อน