- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- เปิดมิติใหม่การศึกษา มุ่งสร้างเด็กให้มีทักษะ '3 C'
เปิดมิติใหม่การศึกษา มุ่งสร้างเด็กให้มีทักษะ '3 C'
“ดร.ทินสิริ” มองไกล แนะการศึกษาไทยต้องมุ่งสร้างพลเมืองอาเซียน มีทักษะในทศวรรษที่ 21 ' Connect- Create- Collaborate' ส่วน “ดร.สมเกียรติ ” ฝากรบ. ลงทุนสื่อสาร-เผยแพร่ข้อมูล “อาเซียน” ให้ปชช. ชี้แจกแท็บเลต ไม่จำเป็นเร่งด่วน เพิ่มพีซีที่มีคุณภาพจะดีกว่า
เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมาธิการต่างประเทศ วุฒิสภา และสถาบันพระปกเกล้า จัดสัมมนา “ประชาคมอาเซียน : มิติใหม่แห่งอาเซียน” ณ ห้องปิ่นเกล้า 2 รร.เดอะรอยัล ซิตี้ ถ.บรมราชชนนี กรุงเทพฯ มีการอภิปรายในหัวข้อ “ทิศทางความร่วมมือทางการศึกษา สังคมและวัฒนธรรมในประชาคมอาเซียน” โดย ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล นักวิชาการสื่อสารมวลชน อดีตสมาชิกวุฒิสภา และดร.ทินสิริ ศิริไพธิ์ รองผอ.องค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมอภิปราย
ดร.สมเกียรติ กล่าวว่า 3 เสาหลักในการขับเคลื่อนประชาคมอาเซียน ได้แก่ 1.กลุ่มเศรษฐกิจ 2.กลุ่มสังคมและวัฒนธรรม 3.กลุ่มการเมืองและความมั่นคง โดย เสาหลักด้านการศึกษา สังคมและวัฒนธรรมในประชาคมอาเซียนเป็น 1 ใน 3 เสาหลักที่คนพูดถึงน้อยที่สุด ทั้งที่มีความซับซ้อนละเอียดอ่อนมาก เป็นปัจจัยที่จะทำให้เกิดเสาหลักที่ 3 ได้สำเร็จที่ ตามแนวทางอาเซียนจะยึดคำขวัญที่ว่า “เป็นหนึ่งเดียวกัน” แต่สังคมมีความเป็นอัตลักษณ์ ในส่วนของเสาสังคมวัฒนธรรมจึงไม่สามารถกำหนดระยะเวลาในการบรรลุเป้าหมายไว้อย่างตายตัวได้
“การจะทำให้ประชาคมอาเซียนบรรลุตามเป้าหมายในแต่ละเสาหลักนั้น ยุทธศาสตร์ในการสื่อสารเกี่ยวกับอาเซียนเป็นสิ่งสำคัญ ต้องสร้างให้ประชาชนติดตามข่าวสาร ได้รับข่าวสาร และให้สาธารณะชนตระหนักรับรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียนว่า ก้าวหน้าไปถึงไหน มีปัญหาอย่างไรบ้าง”
ดร.สมเกียรติ กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ควรให้ความสำคัญกับการสื่อสารภายในประเทศ อธิบายกับเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียและสาธารณชนทั่วไปให้รับรู้ถึงประโยชน์ การเคลื่อนไหวและความก้าวหน้าของการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน สร้างกิจกรรมส่งเสริมการเสวนาในหมู่ผู้เกี่ยวข้องว่าด้วยแผนจะไปสู่ประชาคมอาเซียน รวมทั้งมีการจัดตั้งกลไกระดับชาติที่ส่งเสริมให้มีการทำรายงานผลเป็นระยะๆ เกี่ยวกับการสร้างประชาคมอาเซียน ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เว็บไซต์ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีเกิดขึ้นอย่างชัดเจน
“การหวังพึ่งสื่อสารมวลชนคงช่วยไม่ได้มาก ต้องยอมรับว่า สื่อในจะนำเสนอในประเด็นที่มีความตื่นเต้น หวาดเสียว เช่น นำเสนอกรณีพิพาทเขาพระวิหารในมุมอาเซียน ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องมีการลงทุนเผยแพร่ข้อมูล ทั้งตัวข้อมูลและปรับโครงสร้างการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน” ดร.สมเกียรติ กล่าว และว่า หากพูถึงนโยบายลงทุนทางการศึกษาที่จะแจกแท็บเล็ต คิดว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วน และไม่ใช่ความต้องการขั้นพื้นฐานสำหรับการศึกษา แต่ควรสนับสนุนเพิ่มจำนวนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) ให้พอเพียงกับจำนวนเด็กและมีคุณภาพที่ดี เหมาะแก่การศึกษามากกว่า ที่สำคัญหากจะแจก ครูผู้สอนก็ต้องใช้เป็น หรือใช้ได้คล่องแคล่ว
ขณะที่ดร.ทินสิริ กล่าวว่า สำนักเลขาธิการอาเซียนได้ร่วมมือกับองค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asian Ministers of Education Organization : SEAMEO) จัดทำนโยบาย 5 ประการ ของกระทรวงศึกษาธิการในการดำเนินงานตามปฏิญญาอาเซียนด้านการศึกษา ตามแผนปฏิบัติการอาเซียนด้านการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่
1.การเผยแพร่ความรู้ ข้อมูลข่าวสารและเจตคติที่ดีเกี่ยวกับอาเซียน เพื่อสร้างความตระหนักและเตรียมความพร้อมของครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา นักเรียน นักศึกษา และประชาชน เพื่อก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ภายในปี 2558
2. การพัฒนาศักยภาพของนักเรียน นักศึกษา และประชาชนให้มีทักษะที่เหมาะสม เพื่อเตรียมความพร้อมในการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน เช่น ความรู้ภาษาอังกฤษ ภาษาเพื่อนบ้าน เทคโนโลยีสารสนเทศ ทักษะและความชำนาญการ
3. การพัฒนามาตรฐานการศึกษา เพื่อส่งเสริมการหมุนเวียนของนักศึกษา ครู และอาจารย์ในอาเซียน และการแลกเปลี่ยนเยาวชน การสนับสนุนการศึกษาตลอดชีวิต
4. การเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดเสรีการศึกษาในอาเซียน การพัฒนาความสามารถ ประสบการณ์ในสาขาวิชาชีพสำคัญต่าง ๆ เพื่อรองรับการเปิดเสรีการศึกษาควบคู่กับการเปิดเสรีด้านการเคลื่อนย้ายแรงงาน
และ 5. การพัฒนาเยาวชน เพื่อเป็นทรัพยากรสำคัญในการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน
“ทิศทางการศึกษาเพื่อมุ่งสู่ประชาคมอาเซียนในระดับนโยบายเป็นการมุ่งสู่ความเป็นสากล และเพื่อผลิตบุคคลากรแลกเปลี่ยนกับประเทศสมาชิกในอาเซียนตามมาตรฐานวิชาชีพตามที่ได้กำหนดไว้ร่วมกัน”
ดร.ทินสิริ กล่าวถึงการศึกษาไทยในปัจจุบันควรเลิกมุ่งเน้นให้เด็กท่องจำ แต่ควรตระหนักว่าจะผลิตเด็กอย่างไรให้เข้ากับการศึกษาในอาเซียน ต้องมุ่งสร้างพลเมืองอาเซียน ที่มีความรู้ทั้งภาษาไทย อังกฤษและภาษาเพื่อนบ้าน มีสมรรถนะ มีความเข้าใจความหลากหลายทางวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ มีความเป็นผู้นำ และมีทักษะในทศวรรษที่ 21
“ทักษะในทศวรรษที่ 21 คือทักษะ 3 C ได้แก่ Connect (การติดต่อ) ที่ต้องมีพื้นฐานรู้หนังสือ รู้ทักษะไอที รู้จักการสื่อสาร Create (การสร้าง) คิดวิเคราะห์เป็น แก้ปัญหาได้ และ Collaborate (มีความร่วมมือ) มีความรับผิดชอบและมีจริยธรรม”