- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- เทียบนายกฯชาย เป็นหญิงไม่ใช่จุดอ่อน "วิษณุ" ยันต้องให้เวลา "ยิ่งลักษณ์" นานหน่อย
เทียบนายกฯชาย เป็นหญิงไม่ใช่จุดอ่อน "วิษณุ" ยันต้องให้เวลา "ยิ่งลักษณ์" นานหน่อย
อดีตเลขาฯ ครม. เปิดข้อเสียเมืองไทยไม่เคารพ นับถือผู้นำ มีแต่จะเหยียบย่ำ ติงผิดทั้งมารยาท-วัฒนธรรมไทย ชี้กรณีนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ทำได้ดีในสถานการณ์ที่พึงทำ ยันน่าเห็นใจ มีจุดอ่อน ไม่เจนเวทีการเมือง ดังนั้นต้องให้เวลา
วันที่ 15 ตุลาคม 2554 ดร.วิษณุ เครืองาม อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ร่วมเสวนาในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 16 หัวข้อ “เรื่องเล่าจากเนติบริกร ความลับและความจริงในทำเนียบที่ยังไม่เคยเปิดเผยมาก่อน” ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมเปิดตัวหนังสือชุด เรืองเล่าจากเนติบริกร จำนวน 3 เล่ม ได้แก่ โลกนี้คือละคร เล่าเรื่องผู้นำ และหลังม่านการเมือง ซึ่งเป็นหนังสือเสนอเรื่องราวน่ารู้ภายในทำเนียบฯ ของคณะรัฐบาล 10 รัฐบาล 7 นายกรัฐมนตรี รวมการทำงาน 15 ปีในแวดวงการเมือง
ดร.วิษณุ กล่าวว่า บ้านเมืองเรานั้นหาผู้นำที่มีธรรมะ และมีคุณธรรมยาก ซึ่งผู้นำแต่ละคนก็จะมีภาวะผู้นำที่แตกต่างกันไป โดยปัจจัยหลักๆที่จะช่วยเกื้อกูลภาวะผู้นำนั้นได้แก่ 1. ผู้ที่จะเป็นผู้นำต้องมีเวลา ต้องมีเวลาที่จะให้เห็นความสำเร็จของงาน และมีเวลาพอที่ทันแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด ซึ่งที่ผ่านมาผู้นำของไทยมีเวลาในการบริหารราชการน้อย 2. ผู้นำจะต้องมีเสนา คือต้องมีลูกมือไว้คอยช่วยงาน ต้องมีผู้ที่ต่อยอด ซึ่งนายกฯบางคนคิดไว้แล้วและไม่มีใครนำไปทำต่อ 3. ผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์ ต้องรู้ว่าจะทำอะไร และอยากเห็นอะไร 4.ผู้นำต้องธรรมะ มีคุณธรรม การไม่ลำเอียง การซื่อสัตย์ และให้ความเป็นธรรมต่อคนทั้งหมด
“นิยามของคำว่า ผู้นำ ที่ง่ายที่สุด คือ เป็นคนที่คนอื่นยอมตาม ใครที่ขึ้นมาแล้วไม่มีคนยอมตาม ก็หมายความว่าคนๆนั้นศักดิ์แต่ว่าเป็นผู้นำเพราะถูกตั้งให้เป็น เพราะถ้าคนไม่ตามก็ไม่สามารถที่จะนำใครได้ ซึ่งเทคนิคของผู้นำแต่ละคนก็จะมีความแตกต่างกัน บางครั้งก็จะเห็นผู้นำบางคนใช้ 'เงิน' เพื่อให้คนยอมตาม แต่ก็ยังมีผู้นำบางคนใช้สติปัญญา ความกล้า และคุณธรรมเพื่อที่จะทำให้คนตาม" ดร.วิษณุ กล่าวและว่า ในกรณีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนปัจจุบัน ซึ่งประสบกับภาวะน้ำท่วม จะใช้ความเป็นผู้นำของคนอื่นมาเปรียบเทียบนั้นไม่ยุติธรรม ต้องใช้ความเป็นผู้นำของนายกฯ ยิ่งลักษณ์เอง ว่าจะสามารถทำให้คนตามได้หรือไม่ ซึ่งในขณะนี้ 2 เดือนเศษ มองว่า ยังไม่เต็มที่ เพราะว่าคนยังรู้สึก เหมือนนายกฯ ยิ่งลักษณ์ยังมีคนอื่น และพยายามที่จะแสดงภาวะผู้นำให้คนอื่นได้เห็น
สำหรับคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายในรัฐบาลชุดนี้นั้น ดร.วิษณุ กล่าวว่า ยังไม่สามารถระบุตัว "เนติบริกร" ได้อย่างชัดเจน เนื่องจากมีหลายเรื่องที่เข้ามาทับซ้อนกัน ซึ่งจะมีผู้รับผิดชอบในแต่ละเรื่องอยู่ก่อนแล้ว จึงไม่มีผู้ที่จะแสดงตัวว่าเป็นเนติบริกร หรือเป็นจะมีผู้ใดระบุได้ว่า ใครคือเนติบริกรของรัฐบาลชุดนี้
"ในกรณีนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ต้องเข้าใจว่า มีจุดอ่อน เป็นกรณีที่น่าเห็นใจ เพราะไม่ว่าจะโชคดีมีจน สุดท้ายก็ได้ขึ้นมาเป็นนายกฯ ความเป็นหญิงไม่ใช่จุดอ่อน แต่ความที่ไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง คือ จุดอ่อน เพราะฉะนั้นอาจจะต้องใช้เวลานานหน่อย เมื่อเทียบกับนายกฯ คนอื่นๆ ที่มีประสบการณ์ทางการเมืองมาบ้างก่อนเข้ารับตำแหน่ง อีกทั้งนายกฯ ยิ่งลักษณ์ไม่เคยเข้าไปทำอะไรที่มีความเกี่ยวพันกับราชการ ในเมื่อได้เป็นนายกฯ แล้ว ก็ทำได้ดีในสถานการณ์ที่พึงทำ ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นก็อาจจะทำได้ดีกว่านี้ หรือถ้าเป็นคนอื่นและทำได้เท่าที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์คงถูกตำหนิมากแน่ เพราะเจนเวทีแล้วแต่ทำได้แค่นี้”
ดร.วิษณุ กล่าวต่ออีกว่า เมืองไทยนั้นมีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่ง คือ ใครที่ขึ้นมาเป็นผู้นำแล้ว ไม่มีความนับถือ และไม่เคารพ มีแต่จะเหยียบย่ำ ซึ่งผิดทั้งมารยาทและวัฒนธรรมไทย
และในฐานะที่มีโอกาสได้ทำงานและใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ดร.วิษณุ กล่าวถึงจุดผิดพลาดว่า เกิดจากหลายสาเหตุ หนึ่งคือเหตุจากภายในตัวพ.ต.ท.ทักษิณเอง ซึ่งเป็นผู้ที่มีบุคลิก ใจร้อน ใจเร็ว พูดเร็ว ตัดสินใจเร็ว โกรธง่ายแต่หายเร็ว ลักษณะเหล่านี้เป็นจุดอ่อนของคนที่เป็นผู้นำ ซึ่งหากเป็นคนธรรมดาอย่างเราไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นผู้นำ ถือ เป็นเรื่องที่อันตราย
"อีกสิ่งหนึ่งคือ จุดภายนอก หรือคนที่อยู่แวดล้อมมากมาย ที่หวังผลประโยชน์จากพ.ต.ท.ทักษิณ หรือต้องการจะได้หน้าตา และความดีความชอบ และไม่เกื้อกูลการทำงาน"
ทั้งนี้ ในช่วงท้าย อดีตเลขาธิการ ครม. กล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์กับการเมืองด้วยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีพระมหากรุณาธิคุณต่อรัฐบาลทุกรัฐบาลเท่าเทียมกัน ในความหมายที่ว่า หากต้องการให้ท่านช่วย ท่านก็ทรงช่วยเสมอเหมือนกัน โดยไม่เกี่ยงพรรคใด ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้นำหลายๆท่าน รู้อยู่แก่ใจทั้งหมด ว่า ถ้าไม่ได้พระมหากรุณารัฐบาลจะเป็นอย่างไร
“ในฐานะพระมหากษัตริย์แม้จะอยู่ในระบอบประชาธิปไตยก็มีอำนาจที่จะตักเตือน ให้กำลังใจ และแนะนำรัฐบาล ซึ่งเป็นอำนาจที่ไม่ใช่หน้าที่ โดยจะใช้ก็ได้หรือไม่ใช้ก็ได้ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ดีหากทางรัฐบาลก็ต้องขอพระราชทานให้พระองค์ทรงใช้อำนาจ เพราะถ้าไม่ขอพระองค์ก็จะไม่ทรงรับสั่ง เพราะไม่ทราบแน่ว่า ถ้าหากพูดไปแล้วจะมีใครนำไปทำตามหรือเปล่า ซึ่งที่ผ่านมาในนายกฯ หลายคนกล้าที่จะพูด กล้าที่จะบังคมทูลถาม ซึ่งก็ได้รับแต่สิ่งที่ดีๆกลับมาเสมอ” ดร.วิษณุ กล่าว และว่า ทุกครั้งเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงแนะนำอะไรไป จะจบประโยคด้วยประโยคนี้ทุกครั้ง “ก็แนะไปอย่างนั้น แต่เอาไปคิดดู ถ้าคิดว่าไม่ถูกก็ไม่ต้องทำตามนะ และถ้าคิดว่า มันไม่ถูกก็ช่วยกลับมาบอกหน่อย คราวต่อไปฉันจะได้แก้ไขเสียใหม่ แต่ถ้าคิดว่าดีก็ลองทำเถิด”