- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- 4 องค์กร จับมือตามไล่บี้ถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้ถึงที่สุด
4 องค์กร จับมือตามไล่บี้ถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้ถึงที่สุด
สตง. -วุฒิสภา-ป.ป.ช.-สภาพัฒนาการเมือง ลงนามบันทึกข้อตกลง ร่วมมือส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 'ปราโมทย์' ย้ำชัด เรื่องถอดถอน แม้ชิงลาออก พ้นตำแหน่งไปแล้ว แต่กระบวนการพิจารณาจะไม่หยุด
วันที่ 17 ตุลาคม 2554 ผู้ตรวจการแผ่นดิน (สตง.) ร่วมมือกับ 3 องค์กร ได้แก่ วุฒิสภา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และสภาพัฒนาการเมือง ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เรื่อง “ความร่วมมือในการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กรุงเทพฯ โดยมีประธานทั้ง 4 องค์กร ร่วมลงนาม ได้แก่ นายปราโมทย์ โชติมงคล ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และ ศ.ดร.สุจิต บุญบงการ ประธานสภาพัฒนาการเมือง
นายปราโมทย์ กล่าวว่า คำว่า “ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” ตามรัฐธรรมนูญหมายถึง คณะรัฐมนตรี และข้าราชการการเมือง ที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ. ข้าราชการการเมือง สมาชิกรัฐสภา ทั้งสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา รวมถึงผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในระดับท้องถิ่น จะเป็นฝ่ายบริหารที่เรียกว่านายก อันได้แก่ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายกเทศบาล นายกองค์การบริหารส่วนตำบล รวมทั้งสภาแห่งองค์การบริหารนั้น ซึ่งจะรวมถึงการปกครองท้องถิ่นในรูปแบบพิเศษ เช่น กรุงเทพมหานคร และพัทยา ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทั้งสิ้น
“ที่ผ่านมา พฤติกรรมของนักการเมืองได้ถูกตำหนิติเตียนและร้องเรียนอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกของกิริยามารยาท การพูดจาปราศรัย หรือแม้แต่การทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งถือว่า สำคัญมาก เพราะประชาชนคาดหวังว่า ผู้ที่จะเข้ามาบริหารประเทศควรจะมีคุณธรรมและจริยธรรมสูงกว่าคนอื่น มีจิตสำนึกด้านจริยธรรมที่ดี และทำตัวให้เป็นแบบอย่างของสังคม มีความเสียสละทำเพื่อบ้านเมือง เพราะนักการเมืองต้องไม่ใช้อำนาจทางการเมืองแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองหรือพวกพ้อง สุดท้ายเมือมีการกระทำที่ฝ่าฝืนคุณธรรมจริยธรรมขึ้น กลับไม่มีบทลงโทษที่ชัดเจน จนนำมาซึ่งวิกฤตทางการเมืองในที่สุด”
เรื่องการส่งเสริมจิตสำนึกด้านคุณธรรมและจริยธรรม ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำ เพื่อช่วยแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ มากกว่าแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ซึ่งหากทุกคนในสังคมมีคุณธรรมจริยธรรมดีแล้ว ปัญหาทั้งหลายจะลดลงไปได้มาก แม้อาจจะยังไม่หมดไป แต่ปริมาณหรือจำนวนจะไม่ส่งผลกระทบต่อการบริหารบ้านเมือง ต่อความเป็นปกติสุขร่มเย็น
“การกระตุ้นจิตสำนึกด้านคุณธรรม จริยธรรมอันเป็นคุณสมบัติสำคัญของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายนั้น จะเกิดผลเป็นรูปธรรมได้จำเป็นต้องประสานและอาศัยความร่วมมือจาก 3 องค์กรที่เกี่ยวข้อง กับการกำกับดูแลจริยธรรมของนักการเมือง คือ วุฒิสภา ป.ป.ช. และสภาพัฒนาการเมือง” นายปราโมทย์ กล่าว และว่า ทั้ง 4 หน่วยงานนี้ต่างมีหน้าที่เสริมส่งและเชื่อมประสานกัน ฉะนั้นหากมีการรวมกันและประสานความร่วมมือกัน จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเป็นการช่วยประหยัดงบประมาณแผ่นดินอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ จะนำมาสู่การคิดร่วมกัน มาเป็นเครือข่ายที่เป็นกิจจะลักษณะ ช่วยเหลือในการฝึกอบรม ข้อมูลทางวิชาการ ไม่ว่าจะจัดกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และอาจจะมีการขยายไปถึงนิสิต นักศึกษา และก่อให้เกิดการบูรณาการอย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวด้วยว่า ทั้ง 3 องค์กรได้มีการตกลงในเรื่องการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองออกจากตำแหน่ง ว่า ผู้ที่ถูกร้องเรียน ไม่ว่าเรื่องอะไร หากผู้นั้นได้พ้นตำแหน่งไประหว่างการพิจารณา กระบวนการดังนั้นก็จะไม่หยุด และดำเนินการไปจนสิ้นสุด เนื่องจากมีผลกระทบ ว่ากระบวนการถอดถอนจะไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ เพราะเมื่อทุกคนรู้ตัวว่าจะถูกถอดถอน ก็จะชิงลาออกจากตำแหน่งก่อนการพิจารณา ฉะนั้น ทั้ง 3 องค์กรจึงตกลงว่า แม้ผู้ที่ถูกร้องเรียนจะพ้นตำแหน่งไปแล้ว แต่มีการพิจารณาว่าถูกถอดถอน ผู้นั้นก็จะเสียสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
ขณะที่ นางรสนา โตสิตระกูล ประธานคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา กล่าวว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมอีกด้านหนึ่ง ขั้นต้นควรมีการทำประวัติ รายงานการเข้า และขาดการประชุม รวมถึงรายงานผลงานให้สังคมได้เข้ามาตรวจสอบได้ง่ายขึ้น โดยอาจต้องมีข้อบังคับว่า หากสมาชิกไม่ปฏิบัติหน้าที่ ก็จะมีกระบวนการสร้างแรงบีบคั้นทางสังคม จนไม่สามารถที่จะอยู่ในสังคมได้ ซึ่งที่ผ่านมา สังคมไทยมีการแรงบีบคั้นทางสังคมไม่มากพอ ผู้กระทำจึงไม่เกรงกลัว และกระทำผิดซ้ำ แต่หากสังคมมีกระบวนการลงโทษ และบีบบังคับ ผู้กระทำก็จะมีจำนวนลดลงได้
ทั้งนี้ ข้อตกลงความร่วมมือ มีดังนี้
1. ส่งเสริม และสนับสนุนการดำเนินงานด้านส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมให้กับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
2. ร่วมกันพิจารณากำหนดแผนงาน แนวทางในการปฏิบัติ ตลอดจนการกำหนดกิจกรรม ในการส่งเสริมด้านคุณธรรมและจริยธรรมให้กับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
3. ส่งเสริม และสนับสนุนการเป็นเครือข่ายร่วมกันในการดำเนินงานด้านส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรม ตลอดจนการให้ความช่วยเหลือด้านวิชาการ การฝึกอบรม รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการสื่อสารระหว่างหน่วยงาน
4. แลกเปลี่ยนความรู้ ความเข้าใจ และความคิดเห็นด้านคุณธรรมและจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
5. ให้แต่ละองค์กรมอบหมายเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการประสานงานการดำเนินงานด้านส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง